(เพิ่มเติม) FVC เคาะขาย IPO 1.20 บ./หุ้น, จองซื้อ 17-18, 21 ต.ค., เทรด 29 ต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 14, 2013 12:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 59.20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท โดยมีค่า P/E ratio อยู่ที่ 11 เท่า กำหนดเปิดให้จองหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 17-18 และ 21 ต.ค.นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ในวันที่ 29 ต.ค.56 ใช้ชื่อย่อ"FVC"มี บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ด้วย

FVC ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ เป็นบริษัทผู้จัดหาผลิตภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ เช่น ระบบกรองน้ำ ถังกรองไฟเบอร์กลาส หัวกรองน้ำอัตโนมัติ ไส้กรองน้ำ เครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเล็ต และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ ก่อน IPO มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 70.40 ล้านบาท และหลัง IPO ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 100 ล้านบาท ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตของรายได้ 15-20%

นายวิจิตร เตชะเกษม กรรมการผู้จัดการ FVC กล่าวว่า บริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหุ้น IPO ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท เพื่อเพิ่มศักยภาพของงานบริการ เพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลาย และบางส่วนจะนำเงินไปคืนเงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้ D/E ของบริษัทลดลงเป็น 0.5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.7 เท่า

บริษัทมีความมั่นใจว่าหุ้น FVC จะได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากศักยภาพการเติบโตในอนาคต จากปริมาณความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเงินที่ได้จากการระดมทุนมาจะสามารถช่วยให้บริษัทมีการขยายตัวต่อไปได้อีกมาก เนื่องจากมีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ทำให้มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

“นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีของเราแล้ว เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกช่องทางหนึ่ง กลุ่มตระกูลเตชะเกษม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ยินดีที่จะไม่นำหุ้นในส่วนที่ไม่ติด Silent Period มาขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นระยะเวลา 3 เดือนนับจากวันที่เข้าซื้อขาย ดังนั้นนักลงทุนทุกท่านจึงมั่นใจได้ว่ากลุ่มเตชะเกษมจะไม่นำหุ้นของบริษัทออกขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันแรกที่หุ้นเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อย่างแน่นอน"นายวิจิตร กล่าว

สำหรับผลประกอบการของบริษัท คาดว่ารายได้ในปี 56 เติบโตเฉลี่ย 18-20% จากปี 55 260.89 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการเติบโตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยมาจากจำนวนออร์เดอร์ของลูกค้าทั้งผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่สั่งซื้อและว่าจ้างให้ติดตั้งเครื่องบำบัดน้ำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/56 เป็นช่วงที่บริษัทมีงานมากที่สุด สนับสนุนให้รายได้เติบโตเพิ่มขึ้น โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 141.97 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ