ทั้งนี้ ตราสารเป้าหมายของธนาคารกรุงเทพ (BBL)ที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ประเภท Global Note สกุล USD ออกผ่านสาขาฮ่องกง ประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้งจาก Moody/S&P/Fitch อยู่ที่ A3e/BBB+/BBB+, ธนาคารกรุงไทย(KTB)ตราสารเป้าหมายที่บริษัทจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ประเภท Euro MTN สกุล USD ออกผ่านสาขาเคย์แมน ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้งจาก Moody/S&P/ Fitch อยู่ที่ Baa1/BBB/BBB, บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไปประเภท Euro Dollar สกุล USD ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้ง จาก Moody /S&P/ Fitch อยู่ที่aa1/BBB+/BBB+
ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไปประเภท Euro MTN สกุลUSD ออกผ่านสาขาฮ่องกง ประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้งจาก Moody/S&P/Fitch อยู่ที่ A3/BBB+/BBB+, Woori Bank(WOORIB) ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไปประเภท Euro MTN สกุล USD ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน โดยเครดิตเรตติ้ง จาก Moody/S&P อยู่ที่ A1 /A- และบจ.น้ำตาลมิตรผล (MPSC ) ตราสารเป้าหมายที่กองทุนจะลงทุนเป็นหุ้นกู้ทั่วไป สกุลเงินบาทประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน เครดิตเรตติ้งจาก TRIS อยู่ที่ A+
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงที่ผ่านมา แนวโน้มอัตราผลตอบแทนปรับลดลงจากปริมาณพันธบัตรออกประมูลใหม่มีน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่เริ่มมีแรงซื้อสะสมของนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของไทยและอัตราเงินเฟ้อที่ยังมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาการเมืองในสหรัฐอเมริกา และตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงจีน ส่งสัญญาณชะลอตัวและมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว
ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนในช่วง 1-2 เดือนนี้จะมีการทยอยขายในตลาดแรก ซึ่งจะให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มประมาณ 100 — 120 bp เมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุเดียวกัน เช่น ตราสารเอกชนรุ่นอายุ 5 ปี ที่มีอันดับเครดิตในประเทศ A จะได้ให้ผลตอบแทนประมาณ 4.50 — 4.70% ต่อปี ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 5 ปี ปัจจุบันให้ผลตอบแทนประมาณ 3.5% ต่อปี