(เพิ่มเติม) FORTH มั่นใจกำไรปีนี้พุ่งเป็น 250 ลบ.จาก 93 ลบ.ในปีก่อน แม้รายได้ลดลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 14, 2013 16:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัชวิน พิพัฒน์โชติธรรม ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) คาดว่าทั้งปี 56 จะมีรายได้ที่ 5 พันล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 5.9 พันล้านบาท แต่กำไรสุทธิจะสูงขึ้นมากมาอยู่ที่ราว 250 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไร 93 ล้านบาท

ทั้งนี้ รายได้ในไตรมาส 3/56 จะทรงตัวจากไตรมาส 2/56 รับผลจากความล่าช้าของงานประมูล ขณะที่ในไตรมาส 4/56 บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานเพิ่มจากบมจ. ทีโอที มูลค่าราว 950 ลบ. และงานจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ราว 300 ล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่าจะได้ข้อสรุปการร่วมทุนพันธมิตรในอินโดนีเซียเพื่อทำธุรกิจตู้เติมเงินมูลค่าการลงทุนราว 500-600 ล้านบาทได้ในสิ้นปีนี้ และเล็งขยายธุรกิจใหม่เพิ่ม อาทิ LED หรือ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการสื่อสาร

"รายได้ในไตรมาส 3 จะใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่คาดว่ารายได้ทั้งปีจะออกมาต่ำกว่าปีก่อน ที่ 5.9 พันล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านบาท"นายชัชวิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม FORTH คาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาที่ 250 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 93 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทยกเลิกธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต Harddisk ที่มีการผลิตในปริมาณสูงแต่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำเพียง 3% ส่งผลให้สามารถหันมาเน้นการรับงานการประมูลภาครัฐที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า เช่น งานเกี่ยวกับโทรคมนาคม และระบบสัญญาณจราจร โดยหากเป็นงานขนาดใหญ่จะมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 10% และหากเป็นงานขนาดเล็กจะมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 20-30% ส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

"ถึงแม้รายได้ของเราจะปรับตัวลดลงจากปีก่อน จากการที่เราได้หยุดการผลิต Harddisk ประกอบกับโครงการภาครัฐต่างๆที่มีการเลื่อนประมูลออกไป แต่อย่างไรก็ตาม กำไรของเราเพิ่มมากขึ้น จากที่เรามีการเน้นรับงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ทำให้เรามีกำไรเพิ่มขึ้น" นายชัชวิน กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทจะเข้าประมูลงานในช่วงไตรมาส 4/56 อย่างต่อเนื่อง โดยมี 2 โครงการสำคัญ คือ โครงการ Wifi เฟส 2 ของบมจ.ทีโอที มูลค่า 950 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับงานต่อจากเฟส 1 และคาดว่าจะเข้าประมูลโครงการ Wifi ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าราว 300 ล้านบาท สำหรับงานที่มีการประมูลเข้ามาก่อนหน้านี้ คืองานติดตั้งกล้อง CCTV มูลค่า 1.3 พันล้านบาท มีการรับรู้รายได้มาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้ในงานนี้ราว 90% และส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 57

นายชัชวิน กล่าวต่อว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับธุรกิจท้องถิ่นในประเทศอินโดนีเซีย โดยเป็นการเข้าไปจัดตั้งบริษัทร่วมทุน คาดว่าจะจัดตั้งเสร็จสิ้นในช่วงปลายปีนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาสัดส่วนการถือหุ้น มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 500-600 ล้านบาท

"เรามองว่าตลาดในประเทศอินโดนีเซีย มีโอกาสการเติบโตอีกมาก เนื่องจากตลาดมีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 1 ปี ที่จะสามารถมีกำไรได้"นายชัชวิน กล่าว

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เข้าไปขยายตลาดในประเทศฟิลิปปินส์มาแล้วกว่า 2 ปี โดยบริษัทร่วมทุนในฟิลิปปินส์มีสัดส่วนถือหุ้นคือ FORTH 40% และนักลงทุนท้องถิ่นถือ 60% ปัจจุบันมีการขยายตู้เติมเงินไปแล้วกว่า 2,500 ตู้ แต่รายได้ยังไม่ได้เข้ามาอย่างชัดเจนนัก เนื่องจากการรับรู้ของแบรนด์ยังไม่มาก และตลาดฟิลิปปินส์แตกต่างจากประเทศไทย จึงเชื่อว่าต้องเวลาอีกระยะหนึ่ง

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะขยายธุรกิจใหม่ๆ โดยเน้นกลุ่มที่เกี่ยวกับการสื่อสาร เช่น จอ LED เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทฯยังมองว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตอีกมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ