“ทั้ง 2 บริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยมีการลงนามสัญญาครั้งแรกตั้งแต่ปี 40 และมีการต่ออายุสัญญามาเรื่อยจนถึงปัจจุบันนับเป็นระยะเวลากว่า 16 ปีมาแล้ว ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการรับงานดังกล่าวประมาณเดือนละ 20 ล้านบาท และจากระยะเวลาของอายุสัญญา บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากงานดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 720 ล้านบาท" นายรัตนพล กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการรอผลการประมูลโครงการใหญ่ มูลค่างานมากกว่า 1 พันล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลการประมูลในช่วง 1-2 เดือนนี้ และหากบริษัทได้งานดังกล่าวจะส่งผลให้มูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้(Backlog)ของบริษัทขยับพุ่งขึ้นเกือบเท่าตัว โดยปัจจุบันมีมูลค่างานในมืองานที่รอรับรู้รายได้ ประมาณ 1,600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้กว่า 500 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานปี 56 บริษัทยังคงตั้งเป้าว่าจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ ส่วนหนึ่งมาจากมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ที่งานส่วนใหญ่เป็นงานทางด้าน Oil and Gas ที่มีอัตราการทำกำไร(Net Profit Margin) ที่ค่อนข้างสูงกว่างานก่อสร้างทั่วไป ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าผลการดำเนินงานระยะยาว 3 ปี (57-59) รายได้ของบริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
“บริษัทยังคงเชื่อว่าผลการดำเนินงานทั้งปีจะดีขึ้นกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน เพราะงานในปัจจุบันมีมาร์จิ้นดี และงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ มีการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และหากการส่งมอบไม่มีปัญหา การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญดังกล่าวก็มีโอกาสกลับคืนมาเป็นรายได้ ขณะเดียวกันงานใหม่ที่บริษัทรับเข้ามาก็ไม่มีการลงทุนเพิ่มเติม เชื่อว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทในปัจจุบันเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ"นายรัตนพล กล่าว