ล่าสุด บริษัทร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ บมจ.โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) และบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ยื่นเสนอทำโครงการโซลาร์รูฟในเฟสแรกรวม 39 เมกะวัตต์ ซึ่งจากการประกาศรอบแรกของการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ปรากฎว่าโครงการของบริษัทผ่านการคัดเลือกแล้วจำนวน 11 เมกะวัตต์ และคาดว่าภายใน 1-2 ที่จะมีการประกาศผลคัดเลือกในรอบถัดไป เชื่อว่าบริษัทจะได้ทำโครงการเพิ่มอีก 2-3 เมกะวัตต์
"ตอนนี้ที่กพพ.ประกาศออกมาเราก็ได้ 11 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นของโฮมโปร 8 เมกะวัตต์ และเดอะมอลล์ 3 เมกะวัตต์ จากที่เรายื่นไป 39 เมกะวัตต์และรออีก 1-2 วันจะมีการประกาศออกมาเพิ่มเราก็คาดว่าน่าจะได้เพิ่มอีก 2-3 เมกะวัตต์ โครงการโซลาร์รูฟท็อปนี้เราก็คงได้ไม่เกิน 15 เมกะวัตต์ ซึ่งเราคาดว่าเราจะเริ่มจ่ายไฟได้ทันภายในไม่เกินปลายปีนี้ ส่วนโครงการโซลาร์รูฟท็อปเฟสที่ 2 ถ้าประกาศออกมาก็เราก็พร้อมยื่นทำโครงการอีก"น.ส.แคทลีน กล่าว
น.ส.แคทลีน กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าในปี 57 จะมีการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบราว 1.4 พันล้านบาท จากโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของบริษัททั้ง 10 โรง จำนวน 80 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้ว 5 โรง รวม 40 เม็กกะวัตต์ จำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 2 โรง และสัปดาห์หน้าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มอีก 1 โรง ส่วนอีก 2 โรงจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบในต้นเดือนพ.ย.56
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรรุกธุรกิจโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร และเจรจาเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ 2 ดีล คาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้
ด้านนายสมภพ พรหมพนาพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TSE กล่าวว่า จากโครงการโซลาร์รูฟที่บริษัทได้รับการจัดสรรมาจำนวน 11 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 110 ล้านบาท/ปี โดยใช้เงินลงทุนกว่า 700 ล้านบาท
"เบื้องต้นที่เราได้รับการจัดสรรมาจำนวน 11 เมกะวัตต์ ก็จะใช้เงินลงทุนประมาณ 60-65 ล้านบาท/เมกะวัตต์ และจะสร้างรายได้ประมาณ 9-10 ล้านบาท/เมกะวัตต์ คืนทุนไม่เกิน 6-7 ปี ส่วนส่วนแบ่งรายได้กับพันธมิตรที่ร่วม คือ โฮมโปร และเดอะมอลล์ ก็แบ่งกันตามความเหมาะสม"นายสมภพ กล่าว