ส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อุปสงค์น้ำมันจะปรับเพิ่มเพราะเป็นฤดูหนาว น่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของค่าการกลั่นและกำไรปกติได้ต่อเนื่อง ทำให้ระยะสั้นยังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นและเชื่อว่า TOP จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่จะประโยชน์จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่น
ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น TOP ให้ราคาเหมาะสม 62 บาท เชื่อว่าราคาหุ้น TOP จะมี Sentiment เชิงบวก เพื่อเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q56 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงถึง 6,803 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิ 1,565 ล้านบาท ใน 2Q56
จากแรงหนุนของกำไรสต็อกน้ำมันราว US$3.5/barrel และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงเหลือเพียง 442 ล้านบาท ใน 3Q56 จาก 2,764 ล้านบาทใน 2Q56
ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติคาดว่าจะเพิ่มขึ้น +38.9% qoq จากค่าการกลั่นรวมที่เพิ่มขึ้น +33.9% qoq เป็น US$7.5/barrel และเมื่อรวมกำไรจากสต็อกน้ำมันจะมี Accounting GIM ที่ US$11.00/barrel หรือ +162% qoq
ดังนั้น หากกำไร 3Q56 ออกมาใกล้กับคาดการณ์จะส่งผลให้กำไร 9M56 อยู่ที่ 9,602 ล้านบาท หรือคิดเป็น 89% ของประมาณการทั้งปีที่ 10,812 ล้านบาท จึงยังคงประมาณการกำไร เนื่องจาก แนวโน้มผลประกอบการ 4Q56 คาดว่าจะอ่อนตัวลง qoq เพราะมีโอกาสน้อยที่จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันในอัตราสูงเช่นเดียวกันใน 3Q56
แม้ราคาหุ้นในกระดานจะสูงกว่าราคาเหมาะสมแล้ว แต่เชื่อว่าผลประกอบการ 3Q56 ที่จะพลิกกลับเป็นกำไรโดดเด่น จะเปิดโอกาสให้เข้าซื้อเก็งกำไรผลประกอบการได้ เพื่อคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนระยะสั้นราว 5-10% หรือมีจุดขายทำกำไรบริเวณ 68 - 70 บาท
วานนี้(15 ต.ค.)หุ้น TOP ปิดที่ 64.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท(+1.17%)