(เพิ่มเติม) PTT คาดสร้างสถานีรับ-จ่าย LNG เฟส 2 เสร็จปี60 รองรับความต้องการใช้เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 16, 2013 11:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชาครีย์ บูรณกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า ในปี 2556 คาดว่าความต้องการใช้ก๊าซฯของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 4,600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และประมาณการว่าจะมีอัตราเติบโตของการใช้ก๊าซเฉลี่ยปีละ 3-4% ขึ้นอยู่กับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

ขณะที่ไทยจัดหาก๊าซฯจากแหล่งในอ่าวไทยและบนบกรวมกันได้เพียง 3,600 ล้านลูกบาศ์กฟุตต่อวัน เทียบเท่า 78%ของความต้องการ ที่เหลืออีก 22% ต้องนำเข้าจากสหภาพพม่าและนำเข้าจากต่างประเทศในรูป LNG

ดังนั้นกลุ่ม ปตท.มีแผนขยายความสามารถของสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) หรือ LNG Receiving Terminal เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคไฟฟ้าที่ความต้องการสูงขึ้นปีละ 5-6% ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจและจำนวนประชากรที่มากขึ้น

"ก๊าซ LNG จะเป็นพลังงานทางเลือกที่สำคัญของไทยและยิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต เนื่องจากปริมาณสำรองก๊าซของไทยลดลงต่อเนื่อง ขณะที่การจัดหาแหล่งก๊าซใหม่ๆ ทำได้ยากขึ้น และการนำเข้าก๊าซจากประเทศเพื่อนบ้านมีข้อจำกัดมากขึ้น สวนทางกับความต้องการใช้พลังงานที่สูงขึ้นทุกวันทั้งภาคไฟฟ้า อุตสาหกรรมและขนส่ง" นายชาครีย์ กล่าว

ดังนั้นกลุ่ม ปตท.จึงเร่งเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการจัดหาและนำเข้า LNG ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบด้านการมีสถานีรับ-จ่ายก๊าซ LNG เป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีภูมิศาสตร์ที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคที่สำคัญ

ขณะที่นายภาณุ สุทธิรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการจัดหาบริษัทผู้รับเหมาเพื่อก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซ LNG ระยะที่ 2 ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซ จากปัจจุบัน 5 ล้านตันต่อปี ขยายเป็น 10 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงกลางปี 2560 เพื่อรองรับแผนการจัดหาเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้า และเสริมความมั่นคงในการจัดหาก๊าซธรรมชาติของประเทศในระยะยาว

สำหรับก๊าซ LNG คือก๊าซธรรมชาติที่ถูกลดอุณหภูมิลงจนเหลือประมาณ -160 องศาเซลเซียส จนแปรสภาพเป็นของเหลว เพื่อให้สะดวกต่อการขนส่งไปยังสถานที่ห่างไกลที่ท่อส่งก๊าซฯ ดังนั้นกระบวนการเก็บรักษาและการขนส่ง LNG จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีพิเศษที่สามารถรักษาอุณหภูมิให้คงสถานะในรูปของเหลวได้ตลอดการขนส่ง และเมื่อจะนำก๊าซมาใช้งานต้องไปผ่านกระบวนการเพิ่มอุณหภูมิเพื่อให้กลับไปสู่สถานะก๊าซอีกครั้ง ซึ่งจากขั้นตอนและกระบวนการทั้งหมดทำให้ LNG มีราคาสูงกว่าก๊าซที่ผลิตได้เองจากอ่าวไทย โดย LNG มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติทั่วไป คือ ไร้กลิ่น ไร้สารพิษ ปราศจากสารกัดกร่อน และมีน้ำหนักเบากว่าอากาศ เมื่อเกิดการรั่วไหลจะลอยตัวขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ไม่เกิดการสะสมในพื้นราบ จึงยากต่อการติดไฟ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ