อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามในปี 57 ซึ่งยังเป็นเรื่องของการปรับลดมาตรการ QE และการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
"ปัจจัยเสี่ยงในปี 57 ก็ยังเป็นเรื่องของการปรับลดขนาด QE ที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งในรอบหน้าเดือน ธ.ค.นี้ เชื่อว่าก็ยังจะไม่มีการดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการ QE เพราะยังคงติดปัญหาเรื่องของเพดานหนี้และงบประมาณรายจ่ายอยู่ ส่วนอัตราดอกเบี้ยในปี 57 เชื่อว่าคงบริการจัดการได้ดี ซึ่งจะให้ดอกเบี้ยมีการทยอยขึ้นรื่อยๆ คงไม่ปรับทีเดียว" นายไพบูลย์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มดัชนี SET ณ สิ้นปี 56 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,650 จุด จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1,450 จุด โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสหรัฐฯเกี่ยวกับการพิจารณาเพดานหนี้สาธารณะและการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 57 ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสหรัฐฯจะสามารถตกลงกันได้ในเร็วๆนี้ ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลงไปได้ในระดับหนึ่ง และจากที่มีการทยอยปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ
ประกอบกับภาคการส่งออกของไทยเริ่มมีการฟื้นตัว ทำให้จะมีเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น หลังจากมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนกลับไปยังสหรัฐฯ ในช่วงที่มีความกังวลต่อสถานการณ์ปรับลดมาตรการ QE
ทั้งนี้ด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน รวมถึงราคาหุ้นไทยยังอยู่ระดับที่ต่ำและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในตลาดอาเซียน 15-20% มองว่ายังมีความน่าสนใจของนักลงทุน
"เรายังมองว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่ดีอยู่ โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตมาจากที่สหรัฐฯมีปัญหาทางเทคนิคเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้สาธารณะและงบประมาณรายจ่ายที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่ก็ยังเชื่อว่านักการเมืองของสหรัฐฯจะตกลงกันได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากคงไม่ทำให้ประชาชนเกิดความเดือนร้อน ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นนั้น นางเยลเลนมีนโยบายที่จะทยอยปรับขึ้นมากกว่าที่จะมีการปรับขึ้นในทีเดียว ซึ่งก็จะยังไม่ส่งผลในเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทย ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเห็นถึงการฟื้นตัว แต่ยังคงมีปัญหาทางการคลังของสหรัฐฯที่ทำให้เศรษฐกิจโลกยังคงทยอยฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ประกอบกับภาคการส่งออกของไทยจะสามารถกลับมาสดใสอีกครั้งในปี 57" นายไพบูลย์ กล่าว