ดังนั้น ในช่วงที่รอรถไฟฟ้าใหม่เข้ามาเพิ่มก็จะเร่งทำการตลาดเพื่อดึงคนเข้ามาใช้บริการในช่วงที่ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน (Off peak) และปรับเพิ่มรายได้จากโฆษณา รายได้เชิงพาณิชย์ และรายได้จากการให้บริการโทรคมนาคม ทั้งนี้ รายได้ส่วนนี้คาดว่าปีนี้จะมีประมาณ 200 ล้านบาท แต่ปีหน้าคาดว่าเฉพาะรายได้จากโฆษณาจะเพิ่มเป็นกว่า 100 ล้านบาท
"รายได้เพิ่มก็ช่วยให้ EBITDA ดีขึ้นด้วยค่อนข้างมั่นใจว่าจะหยุด Operating Loss ก่อนที่สายสีม่วงจะวิ่งในกลางปี 59 และรายได้น่าจะเติบโตต่อเนื่องด้วย"นายชัยวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจจะสามารถเดินรถสายสีม่วงได้ก่อนกำหนดตามสัญญาที่ระบุไว้ 1,200 วัน นับจากวันเซ็นสัญญากับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)เมื่อวันที่ 4 ก.ย.56 หรือเปิดเดินรถได้ประมาณกลางปี 59 โดยขณะนี้งานโยธาของสายสีม่วงคืบหน้าไปแล้ว 73%
ทั้งนี้ BMCL อยู่ระหว่างดำเนินการแผนเพิ่มทุน 8,550 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายที่ 1 บาท จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม 2 พันล้านหุ้น ชำระค่าหุ้นภายในเดือน ธ.ค.56 , จัดสรรให้ กลุ่ม บมจ.ช.การช่าง(CK) จำนวน 4.2 พันล้านหุ้น และจัดสรรให้สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้คือธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารธนชาต ซึ่งเป็นการชำระดอกเบี้ยค้างจ่ายและค่าธรรมเนียม แต่เงินต้น 1.1 หมื่นล้านบาทยังคงอยู่ ไม่ได้มีการแฮร์คัตหนี้ โดยที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นจะพิจารณาวาระเพิ่มทุนในวันที่ 11 ต.ค.
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า กรณี รฟม.ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BMCL ที่ถืออยู่ 25% หากรฟม.ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 5.975 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ก็จะจ่ายเงินประมาณ 500 ล้านบาท แต่หากไม่ใช้สิทธิสัดส่วนถือหุ้นก็จะ dilute ลงไป ซึ่งหาก รฟม.ต้องการรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 25% CK ก็จะขายหุ้นที่ถือในราคาหุ้นละ 1 บาทภายในเวลาไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่ได้ชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนปลายพ.ย.นี้ แต่หาก รฟม.ไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนสัดส่วนจะลดลงเหลือ 14% ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะมีการพิจารณาในวันที่ 17 ต.ค.นี้
สำหรับการเพิ่มทุน 8,550 ล้านบาท จะทำให้บริษัทสามารถสร้างความแข็งแรงทางการเงิน และเตรียมพร้อมรองรับการเข้ารับงานสายอื่นในอนาคต คาดว่าการเพิ่มทุนจะเสร็จสิ้นในเดือน มี.ค.57 จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงอย่างมากจาก 33 เท่ามาที่ 1.45 เท่า ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นก็ปรับเพิ่มเข้ามาอีก 8,550 ล้านบาท ตามเงินทุนใหม่า จากปัจจุบันมีส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวนเพียง 500 ล้านบาท
"การเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นการแก้ไขโจทย์ และสร้างความแข็งแรงอย่างชัดเจน ส่วนผลประกอบการก็ดีขึ้น step by step เรามี EBITDA เป็นบวกมา 3 ปีแล้ว ปี 2010 มี 90 ล้านบาท ปี 2011 บวก 200 ล้านบาท ปี 2012 มีประมาณ 500 ล้านบาท และปีนี้ก็คิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 500 ล้านบาท"นายชัยวัฒน์ กล่าว