CCP-W2 ปิดเทรดวันแรกที่ 4.88 บาท มูลค่าซื้อขาย 68.25 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 5.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 5.40 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 4.86 บาท
ขณะที่หุ้น CCP ปิดที่ 6.25 บาท ลดลง 0.25 บาท(-3.85%) มูลค่าซื้อขาย 31.24 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 6.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 6.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 6.20 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าเหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี(CCP)ใช้ชื่อย่อ CCP-W2 คาดว่า All-in Premium จะติดลบ จาก โอกาสเกิดผลกระทบของ Dilution Effect สูง เนื่องจากราคาใช้สิทธิที่ต่ำเพียง 1 บาท/หุ้น เทียบกับราคาหุ้นแม่ที่อยู่ 6.5 บาท แต่หุ้นแม่มีความผันผวนที่สูงทำให้ All-in Premium ติดลบไม่มาก จากราคาหุ้นแม่ที่ 6.5 บาท (15 ต.ค.) ประเมินมูลค่า CCP-W2 ได้ที่ 5.14 บาท/หน่วย คิดเป็น All-in Premium ติดลบ 5.5%
พร้อมให้กรอบมูลค่าเหมาะสมของ CCP-W2 ไว้ที่ 4.7-5.6 บาท เมื่อราคาหุ้น CCP เคลื่อนไหวในกรอบ 6-7 บาท
CCP-W2 จำนวนที่ออก 99.99 ล้านหน่วย จัดสรรแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 4.4286 : 1 ฟรี (ขึ้น XW 25 ก.ย. 56) อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 1 บาท, อายุ 3 ปี โดยให้ใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของทุก ๆ ไตรมาส เดือน มี.ค. มิ.ย. ก.ย. ธ.ค. (ใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 30 ธ.ค. 56 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 30 ก.ย. 59 ซึ่งเป็นวันหมดอายุ)
CCP ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตและคอนกรีตสำเร็จ และยังมีธุรกิจของ 4 บริษัทย่อย ได้แก่ (1) บริษัท ชลบุรีกันยง จำกัด ประกอบธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง (2) บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบา ภายใต้ชื่อ Smart Block (3) บริษัท ตะวันออกการขนส่ง จำกัด ประกอบธุรกิจให้เช่ายานพาหนะแก่บริษัทในเครือ และ (4) บริษัท ชลประทีปสินทรัพย์ จำกัด ประกอบธุรกิจให้เช่าทรัพย์สินที่ดิน อาคารสำนักงานและโรงงานแก่บริษัทในเครือ
ทั้งนี้ รายได้และกำไรของบริษัทได้เติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดงบ 1H56 บริษัทมีรายได้รวมกว่า 1,323 ลบ. เติบโต +9.9% และมีกำไรที่เติบโตขึ้นกว่า +49.1% มาอยู่ที่ 81.35 ลบ. สาเหตุหลักมาจากความต้องการใช้คอนกรีตสำเร็จที่มากขึ้น และความสามารถในการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น ส่งผลให้กำไรบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมาก
โดยสิ้นปี 2556 นี้บริษัทจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินในพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งจะบันทึกเข้ามาในไตรมาส 4 นี้ ราว 300 ลบ. ส่งผลให้กำไรสิ้นปี 56 เติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 50% ด้านราคาหุ้นปัจจัยพื้นฐานซื้อขายที่ Trailing PER และ PBV ประมาณ 12.5 เท่า และ 4.04 เท่า ตามลำดับ
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ(Backlog)กว่า 2.1 พันลบ.โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 400 ลบ. ที่เหลือจะทยอยรับรู้จนถึง 2Q57 สำหรับแผนในอนาคต บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไม่น้อยกว่า 10% และได้เตรียมงบลงทุนราว 100-200 ลบ. ในการซื้อเครื่องจักรและขยายโรงงานผลิตแห่งใหม่เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าวให้ทันภายในปี 2557