ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนขยายสาขาเพิ่มไว้ที่ 8 พันล้านบาท โดยจะขยายสาขาที่เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตในสิ้นปีจำนวนทั้งสิ้น 119 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 118 สาขา ,บิ๊กซี มาร์เก็ต สิ้นปีมีจำนวน 31 สาขา จากปัจจุบัน 24 สาขา ,มินิบิ๊กซี ในสิ้นปีนี้จำนวน 276 ปัจจุบันมี 250 สาขา และร้านยาเพียว 150 สาขาในสิ้นปีนี้ ปัจจุบันมี 120 สาขา
นอกจากนี้ การได้มีการจับมือกับผู้ประกอบธุรกิจประกันภัย 4 ราย ได้แก่ บริษัท ACE INA Overseas Insurance จำกัด, บมจ. ACE Life Assurance, บมจ. ไทยคาร์ดิฟ ประกันชีวิต และบริษัท Coronet Broker จำกัด เพื่อหันมารุกตลาดประกันภัยรายย่อย เนื่องจากตลาดค้าปลีกประกันภัยรายย่อยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการมีประกันคุ้มครองและการออมเพื่ออนาคตมากขึ้น
ดังนั้น BIGC จึงนำจุดแข็งของการมีเครือข่ายสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ครอบคลุมทั่วประเทศและมีผู้เข้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 500,000 คน/วัน มาส่งเสริมการเข้าถึงประกันภัยที่ง่าย คุ้มค่า ทั่วถึงและรวดเร็ว เพื่อสนับสนุนนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มและทุกพื้นที่
"เรามองว่าสถานที่ที่เรามีอยู่จะสามารถเข้าถึงลูกค้า โดยลูกค้าส่วนใหญ่ได้มีการสอบถามเข้ามาว่าทำไม BIGC ถึงไม่มีการให้บริการประกันภัย เราจึงนำจุดนี้มาคิด และตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้า จึงนำมาซึ่งการจับมือกับพันธมิตรทั้ง 4 ราย ให้บริการด้านประกันภัยครอบคลุมครบวงจร เช่น การทำประกันภัยรถยนต์ ประกันชีวิต และพ.ร.บ.ออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งในอนาคตจะขยายไปยังมินิบิ๊กซีต่อไป โดยตอนนี้เน้นการขายในไฮเปอร์มาร์เก็ตไปก่อน"นายกุฎาธาร กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าการขยายบริการประกันภัยเป็น 50 สาขาในไฮเปอร์มาร์เก็ตภายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 17 สาขาแล้ว ในย่านพระราม 2 ,พระราม 4 ,บางใหญ่ ,อ่อนนุช ,โคราช ,อุบลราชธานี ,อุดรธานี และศรีสะเกษ ทั้งนี้จะขยายไปครอบคลุมทั่วประเทศ 120 สาขาภายในไตรมาส 2/57 และตั้งเป้ามีเบี้ยประกันภัยมูลค่า 1.2 พันล้าน ภายใน 3 ปี (ปี 56-58)