สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB155A (รุ่นอายุ 3.7 ปี, 5.7 ปี และ 1.6 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,808 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC146A) มูลค่า 106.5 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF147A) มูลค่า 98.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC174A) มูลค่า 89.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 294.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,528 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 585 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,934 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.51% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ประมาณ 1 bp. ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ล่าสุดวันนี้ผลประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี โดยให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวช้ากว่าที่คาด เนื่องจากการเบิกจ่ายภาครัฐล่าช้า รวมถึงความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ด้านนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,934 ล้านบาท