"กำไรที่ยังเป็นไปตามเป้าหมายนั้น มาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 2.9% มาอยู่ที่ 3% เนื่องจากสามารถบริหารจัดการให้ต้นทุนเงินฝากปรับตัวลดลง ในขณะเดียวกันยังมีการเน้นการปล่อยสินเชื่อในกลุ่ม SMEs เนื่องจากกลุ่มนี้มีผลตอบแทนค่อนข้างสูง" นายบุญทักษ์ กล่าว
ปัจจุบันมีสัดส่วนของสินเชื่ออยู่ที่ SMEs 35% รายย่อย 18% และรายใหญ่ 47% ทั้งนี้ยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนเป็น SMEs 50% รายย่อย 20% และรายใหญ่ 30% ในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า
"เราจะเน้นการปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจ SME มากขึ้นเนื่องมีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามี กำไรสุทธิปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของการปล่อยสินเชื่อให้กับรายใหญ่ เราก็ยังปล่อยอยู่ถึงแม้ว่าจะมีผลตอบแทนที่ไม่มากนักก็ตาม"นายบุญทักษ์ กล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารยังตั้งเป้าเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น(ROE) เป็น 14% ในปี 57 จากปัจจุบัน 9 เดือนที่ผ่านมา ROE อยู่ที่ 12%
นายบุญทักษ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงปลายปีนี้ หนี้ที่ไม่ให้เกิดรายได้ (NPL) จะอยู่ระดับไม่เกิน 3.5% จากปัจจุบันอยู่ในระดับ 3.75%เนื่องจากธนาคารได้มีการบริหารจัดการโครงสร้างหนี้ ประกอบกับมีการเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงได้ขายหนี้ที่บริหารจัดการค่อนข้างยากออกไปแล้ว ส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารมี NPL และ ทรัพย์สินด้อยคุณภาพ (NPA) อยู่ทั้งหมดประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท จากก่อนหน้านี้อยู่ที่กว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนที่เหลือนี้จะไม่มีการจำหน่อยออกไปแล้ว เนื่องจากปัจจุบันมีไม่มาก และสามารถบริหารจัดการเองได้แล้ว
สำหรับแนวโน้มการเติบโตของธนาคารในปี 57 นายบุญทักษ์ คาดว่า สินเชื่อจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 56 ซึ่งธนาคารจะยังเน้นการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs เป็นหลัก โดยมองว่าในปี 57 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะมีการเติบโตที่ 4-5% โดยมองว่าภาพรวมของเศรษฐกิจของโลกจะกลับมาฟื้นตัว ทั้งในยุโรป ที่มองว่าปีนี้เป็นต่ำที่สุด ซึ่งจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น และในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเผชิญกับปัญหาเพดานหนี้ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE) ที่ยังไม่มีความแน่นอน แต่มองว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี
ทั้งนี้มองว่าหลังเศรษฐกิจโลกที่กลับมาฟื้นตัวจะผลดีต่อการส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มกลับมาดีอีกครั้ง ประกอบกับการใช้จ่ายของภาครัฐจำนวนมาก ในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ที่จะเป็นกำลังหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้สามารถเติบโตต่อไปได้
"จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบการใช้จ่ายของภาครัฐเอง คาดว่า GDP ก็จะมีการเติบโตที่ 4-5% ซึ่งสินเชื่อของเราก็หน้าจะโตตามเศรษฐกิจที่มีการเติบโตได้"นายบุญทักษ์ กล่าว
ส่วนกรณีข่าวลือที่ว่า ธนาคารมิตซูโฮของญี่ปุ่นจะเข้ามาซื้อหุ้น TMB จาก ING นั้น ปัจจุบันยังไม่มีมูลความจริงเนื่องจากทางธนาคารเองก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมาเช่นกัน และการลาออกของตัวแทนจาก ING นั้นมองว่าเป็นเรื่องปกติ และยังไม่ได้มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น
"เรามองว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีมูลความจริงใดๆเกิดขึ้น เนื่องจากเราก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมาเช่นกัน ซึ่งในส่วนที่มีตัวแทนของ ING ลาออก นั้น มองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับข่าวลือที่ทาง ธนาคารจะมีการเข้าไปซื้อหุ้นของธนาคารที่กระทรวงการคลังถือด้วย เรื่องนี้ก็ต้องไปถามจากกระทรวงการคลัง"นายบุญทักษ์ กล่าว