กองทุนฯ ดังกล่าวจะแบ่งทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนครั้งแรกเป็น 2 ส่วนได้ แก่ ส่วนที่หนึ่ง จะเข้าลงทุนในสิทธิที่ดินและอาคารโรงงานของไทคอนเป็นระยะวลา 30 ปี รวม 38 โรง และสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารคลังสินค้าของบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค (TPARK) เป็นเวลา 30 ปี รวม 50 ยูนิต ซึ่งจะใช้แหล่งเงินทุนจากการขายหน่วยลงทุน
ส่วนที่สอง จะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารโรงงานของไทคอน เป็นระยะเวลา 30 ปี เพิ่มอีก 2 โรง ซึ่งจะใช้แหล่งเงิน จากเงินกู้ของธนาคาร
ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนครั้งแรกส่วนที่ 1 กองทุนจะลงทุนในสิทธิการเช่าในที่ดินและในอาคารคลังสินค้า จำนวน 43 ยูนิต ที่โครงการโลจิสติคส์ พาร์ค บางนา และ 7 ยูนิต ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (บางปะกง) รวมพื้นที่คลังสินค้าประมาณ 182,095 ตร.ม คิดเป็นร้อยละ 57 ของทรัพย์สินที่กองทุนรวมจะเข้าลงทุนครั้งแรกส่วนที่ 1 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 43 จะลงทุนในสิทธิการเช่าในที่ดินและในอาคารโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรม รวม 5 แห่ง จำนวน 38 โรง รวมพื้นที่โรงงานประมาณ 104,225 ตร.ม ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 168 ไร่ ได้แก่ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (บางปะกง) 20 โรง สวนอุตสาหกรรมโรจนะ 7 โรง นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 5 โรง นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) 4 โรง และที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรม นวนคร 2 โรง และในส่วนของการลงทุนครั้งแรกส่วนที่ 2 กองทุนจะลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารโรงงานจำนวน 2 โรง ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้
“จุดเด่นของ TGROWTH ซึ่งเป็นการลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) อยู่ที่ทรัพย์สินที่กองทุนรวมจะเข้าลงทุนนั้นประกอบด้วยโรงงานและอาคารคลังสินค้าให้เช่าแบบมาตรฐานที่มีคุณภาพสูง ซึ่งการกระจายประเภทของธุรกิจที่กองทุนรวมจะเข้าลงทุนนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจโรงงานให้เช่าหรือคลังสินค้าให้เช่าอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ทรัพย์สินที่เข้าลงทุนยังเป็นโรงงานและคลังสินค้าที่ใหม่ โดยมีอายุเฉลี่ยประมาณ 2 ปี 4 เดือน1 ทั้งยังมีความทันสมัยและเป็นไปตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ผู้เช่าส่วนใหญ่ยังเป็นบริษัทต่างชาติชั้นนำและประกอบกิจการในอุตสาหกรรมที่มีการเจริญเติบโตสูง ซึ่งส่งผลถึงโอกาสสร้างความมั่นคงทางรายได้ค่าเช่าของทรัพย์สิน" นายวีรพันธ์กล่าว
ด้านนางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้พ.ย.นี้
สำหรับทรัพย์สินที่กองทุน TGROWTH เข้าลงทุนตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านภาคการผลิตและการกระจายสินค้าที่สำคัญของประเทศ โดยตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรมและเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศไทย ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) นอกจากนี้ กองทุนรวมยังจะได้รับประโยชน์จากการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) รวมถึงการเพิ่มศักยภาพของระบบขนส่งของประเทศ ที่จะช่วยเพิ่มความต้องการใช้อาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า
"เชื่อว่ากองทุน TGROWTH ซึ่งเป็นการผสมผสานทรัพย์สินระหว่างอาคารโรงงานและอาคารคลังสินค้า และเป็นการผนึกความแข็งแกร่งของไทคอนและทีพาร์ค จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน กองทุน TGROWTH ยังมีนโยบายลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนในอนาคต" นางโชติกากล่าว