สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB21DA และ LB155A (รุ่นอายุ 3.7 ปี, 8.2 ปี และ 1.6 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 14,056 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT146A) มูลค่า 148.3 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (ICBCTL174A) มูลค่า 119.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC147A) มูลค่า 106.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 374.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,087 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 444 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 11,464 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.49% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับตัวลดลง ในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 2-5 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury จากแรงซื้อของนักลงทุนโดยเฉพาะกองทุนรวมและชาวต่างชาติ โดยล่าสุดวันนี้สภาคองเกรสของสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ และเพิ่มเพดานการก่อหนี้สาธารณะ ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก ด้านนักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อทั้งในพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 11,464 ล้านบาท