ขณะเดียวกันบริษัทยังจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาขารวมกว่า 60 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งขนาดของสาขามีตั้งแต่ 150-600 ตารางเมตรต่อสาขา อีกทั้งบริษัทยังมุ่งเน้นการขยายสาขาต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของเมืองในต่างจังหวัด ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าไอทีกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
นายเอกชัย กล่าวว่า บริษัทได้ดำเนินการขยายตลาดสินค้าไอทีในช่วงปลายปี ด้วยการเปิดสาขาของไอที ซิตี้เพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง ทั้งในส่วนของสาขาไอที ซิตี้ ที่มีขนาดใหญ่ และ มินิไอที ซิตี้ ซึ่งสาขาใหม่ ที่ไอที ซิตี้ จะขยายสาขา ประกอบด้วย ไอที ซิตี้ ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ ภูเก็ตและหาดใหญ่ ส่วนมินิไอที ซิตี้ที่เทสโก้โลตัส สาขา สิงหบุรีและสาขารวมโชค จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น
ทั้งนี้ ในปี 56 จะเห็นได้ว่าไอที ซิตี้ได้มีการขยายขนาดพื้นที่ ของไอที ซิตี้ ในแต่ละสาขา เพื่อความเหมาะสม ถึงแม้ว่าในบางสาขาจะมีขนาดเล็ก แต่มีการบริหารในแบบ มาร์เก็ตด้านไอทีโดยเฉพาะ ให้บริการแบบ one stop service โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อหาสินค้าหรือบริการด้านไอทีได้ทุกรูปแบบโดยมีบริการขายสินค้าไอทีแบบครบวงจรทุกประเภท เริ่มตั้งแต่ โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ด้านไอที พร้อมรับการรับประกันคุณภาพสินค้าและบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานสากล รวมถึงเป็นศูนย์บริการรับซ่อมสินค้าไอทีนานาชนิด
ตลาดไอทีในปัจจุบัน มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก โดยผู้บริโภคหันมานิยมสินค้าประเภทแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนมากขึ้น ทำให้แต่ละแบรนด์มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ทั้งในเรื่องของการทำโปรโมชั่น ด้านราคา จุดเด่นหรือลูกเล่นต่าง ๆ ซึ่งในปลายปีนี้ จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เกิดขึ้น มากกว่า 200 รุ่น อาทิ iPhone 5S, 5C, Samsung Note 3, HTC Butterfile s, HTC one, Nokia 1020 และ Sony Xperia Z1 รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ของอินเทล Intel Core Gen 4 Bay trail และ Windows 8.1 และเทคโนโลยี 4K ส่งผลทำให้ตลาดโน้ตบุ๊ก และเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ กลับมาคึกคัก