BAY เผย Q3/56 กำไรโต 1.9% จาก Q3/55 สินเชื่อขยายตัวต่อเนื่องแม้ศก.ชะลอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 18, 2013 13:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) เปิดเผยว่า กรุงศรีกรุ๊ปรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/56 มีกำไรสุทธิ 3.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% จากไตรมาส 2/56และ 1.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/55 ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 11 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 55

สำหรับเงินให้สินเชื่อรวมยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้น 7.1% โดยได้รับการสนับสนุนจากความต้องการสินเชื่อของลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ คิดเป็นยอดเงินให้สินเชื่อใหม่จำนวน 59.2 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.55 ขณะที่สินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 12% สินเชื่อเอสเอ็มอีและลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 3.6% และ 1.3% ตามลำดับ

ทั้งนี้ กรุงศรีมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.6%

ขณะที่เงินฝากเพิ่มขึ้น 7.2% คิดเป็นจำนวน 49.3 พันล้านบาท จากสิ้นเดือน ธ.ค.55 สะท้อนความต้องการของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ของธนาคาร“กรุงศรีมีแต่ได้"และ“ออมทรัพย์จัดให้"รวมทั้งความสำเร็จของธนาคารในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์“เงินฝากประจำ Step up 9 เดือน" ที่นำเสนอเมื่อวันที่ 28 มี.ค.56 และ “เงินฝากประจำ 15 เดือน" ที่นำเสนอเมื่อวันที่ 1 ส.ค.56

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 4.32% ในไตรมาส 3/56

นางเจนิส แวน เอ็กเคอเรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรุงศรีกรุ๊ป กล่าวว่า การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อในไตรมาส 3/56 ที่ 2.9% นี้เป็นไปตามคาด เมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและอัตราเติบโตสินเชื่อเฉลี่ยที่ 2.1% ต่อไตรมาสในช่วงสองไตรมาสแรกของปีนี้

“กรุงศรีมีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าเริ่มทรงตัวและจะปรับดีขึ้นในปี 57 ทั้งนี้ด้วยปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่สนับสนุนการขยายตัวของสินเชื่อและความชื่นชอบที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจที่มีต่อแบรนด์กรุงศรี เราจึงคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 12% สำหรับปีนี้" นางเจนิสกล่าว

ณ วันที่ 30 ก.ย.56 BAY เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยมีสินเชื่อรวม 889.2 พันล้านบาทและสินทรัพย์รวม 1.1 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารยังคงระดับแข็งแกร่งอยู่ที่ 132.8 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 16.9% ของสินทรัพย์เสี่ยงโดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 คิดเป็น 12%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ