TNDT จับมือพันธมิตรไทย-พม่าทำเหมืองถ่านหินปริมาณสำรอง 4 ล้านตันเริ่มปี 57

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 18, 2013 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทได้เข้าร่วมจัดตั้งบริษัท ทีเอ็นดีที ซีเอ็ม จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจเหมืองถ่านหินในพม่า ซึ่งมีปริมาณสำรองเบื้องต้นราว 4 ล้านตัน ตั้งอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก รัฐฉานของพม่า พื้นที่เฉพาะบริเวณเหมืองราว 250 เอเคอร์ และยังมีพื้นที่อื่นรอบด้าน คาดว่าอย่างเร็วจะสามารถผลิตและสร้างรายได้ในต้นปี 57

สำหรับธุรกิจเหมืองดังกล่าวมีผู้ถือหุ้น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ประกอบการไทยถือ 92% แบ่งเป็น TNDT ถือ 46% และผู้ประกอบการไทยที่เป็นเจ้าของโครงการถือ 46% ส่วนฝ่ายพม่าถือ 8%

"ตอนนี้ค่อนข้างมั่นใจความเสี่ยงน้อยลง หลังเข้าไปหาความชัดเจนแล้ว เร็วที่สุดน่าจะเป็นปลายปีนี้ที่จะเข้าไปดำเนินการได้ ถ้าไม่เรื่องภาวะธรรมชาติ เรื่องน้ำ แผ่นดินไหวหรือถนนหนทางยังไม่พร้อม ซึ่งเราก็ต้องเข้าไปจัดการตรงนี้...เป้าหมายจริงๆ จะซัพพลายโรงไฟฟ้าของเรา แต่ถ้าเรายังไม่มีโรงไฟฟ้าก็ต้องหาทางให้มีรายได้เข้ามา แต่ถ้าจะเป็นเทรดดิ้งก็สนใจ"น.ส.ชมเดือน กล่าว

น.ส.ชมเดือน กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลพมาเพื่อเข้าไปตั้งโรงไฟฟ้า ขนาด 20 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการเริ่มแรกที่คิดจะเข้าไปลงทุนในพม่า แต่ข้อกฎหมายของพม่าระบุว่าหากทำโรงไฟฟ้าจะต้องมีวัตถุดิบ

"ตั้งประเด็นเรื่องโรงไฟฟ้าเป็นเรื่องแรกก่อน แต่มาเกิดปัญหาข้อจำกัดตรงนี้จึงต้องพิจารณาเรื่องธุรกิจตามมาเป็นถ่านหิน ซึ่งโรงไฟฟ้าอีกนาน ปี 57 คงยังไม่ได้เห็นเพราะตอนนี้เพิ่งไปรับอนุมัติเรื่องสถานที่ ประชาพิจารณ์ สิ่งแวดล้อม ค่อนข้างละเอียดมากสำหรับกฎหมายพม่า"น.ส.ชมเดือน กล่าว

ด้านผลประกอบการของบริษัทในปี 56 ยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโต 10% จากปีก่อนมีรายได้ 336 ล้านบาท โดยงวด 9 เดือนเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้า เพราะไตรมาส 3/56 รายได้ดีไม่น่าจะพลาดเป้า ซึ่งคาดว่าครึ่งปีหลังรายได้จะมากกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 159 ล้านบาท เพราะเร่งงานมากขึ้น และปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ(backlog)แล้ว 200 ล้านบาท และจะพยายามรักษาไว้ไม่ให้ต่ำกว่าระดับนี้ ดังนั้น ก็จะต้องหางานใหม่เข้ามาเพิ่มอยู่ตลอด

ส่วนกำไรสุทธิในปีนี้ก็คาดจะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไร 76 ล้านบาท เพราะควบคุมรายจ่ายได้ดีขึ้นและรายได้ก็สูงขึ้น โดยครึ่งแรกมีกำไรแล้ว 32 ล้านบาท

น.ส.ชมเดือน กล่าวว่า แนวโน้มในปี 57 การเติบโตของบริษัทส่วนหนึ่งจะเป็นการเติบโตตามภาพรวมเศรษฐกิจ และยังหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาประเทศรอบด้านที่ขณะนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้น หากมีการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมไปเกี่ยวกับธุรกิจหลักที่เป็นการตรวจสอบทุกชนิด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงคือ oil&gas เราก็เข้าไปรับงานเพิ่มได้ แต่งานในประเทศก็ไม่น่าจะลดลง

ขณะนี้สัดส่วนรายได้กว่า 90% มาจากงานในประเทศ และมีรายได้ต่างประเทศไม่ถึง 10% ในแถบพม่า ลาว และกัมพูชา ซึ่งบริษัทมองในระยะยาวมีโอกาสจะได้รับงานจากประเทศอื่นในอาเซียนเพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ