พร้อมกันนี้ได้อนุมัติการเพิ่มจำนวนกรรมการบริษัทฯ ใหม่อีก 2 คน จากเดิม 9 คน เป็น 11 คน โดยได้แต่งตั้งกรรมการใหม่คือ นายทัศน์ วนากรกุล เป็นกรรมการบริษัท และนายวรวิทย์ โรจน์รพีธาดา เป็นกรรมการอิสระ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขยายงานอย่างต่อเนื่องทั้งในธุรกิจน้ำตาลและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2554 โดยที่บริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิตจาก 21,000 ตันต่อวัน เป็น 23,000 ตันต่อวัน รวมทั้งได้ริเริ่มโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 35 เมกกะวัตต์ และเข้าเป็นพันธมิตรกับกลุ่มบริษัทมิตซุย ประเทศญี่ปุ่น
“KBS ได้มีการเสริมทัพครั้งสำคัญ โดยคุณทัศน์ เข้ามาร่วมทำงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เนื่องจากเห็นว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ประสบการณ์ด้านบริหารงานธุรกิจน้ำตาลมามากกว่า 25 ปี และผลงานก่อนหน้านี้ก็ได้การยอมรับเป็นที่ประจักษ์ ผมเชื่อมั่นว่าด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญบวกประสบการณ์ จะช่วยนำพาให้ KBS มีการพัฒนาและการเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งๆ ขึ้น ทั้งในด้านวิสัยทัศน์ แผนงาน การดำเนินงาน เพื่อประสิทธิภาพที่ก้าวล้ำนำคู่แข่ง สู่ความสำเร็จอย่างไม่หยุดยั้ง"
นายถกล กล่าวต่อว่ากลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง KBS ยังให้ความสำคัญกับแผนธุรกิจด้านการตลาด โดยเฉพาะการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่มมิตซุย ประเทศญี่ปุ่น จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากยิ่งขึ้นในธุรกิจด้านน้ำตาล ซึ่งบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์หลายด้าน ทั้งในด้านการตลาดที่จะสามารถขยายตลาดเพิ่มขึ้นในประเทศต่างๆ รวมถึงการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 58
"ตอนนี้ KBS มีทั้งกลุ่มมิตซุย และทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจน้ำตาลเข้ามาช่วยผนึกกำลัง โดยกลุ่มมิตซุยได้ส่งตัวแทนเข้ามาร่วมบริหารงานกับเรา ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ KBS ในหลายๆ ด้าน ซึ่งได้มีการประสานความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทั้งในเชิงเทคนิคและด้านการตลาด เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจ มูลค่าเพิ่ม รายได้ และผลกำไรที่มากขึ้น รวมทั้งขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ทำให้มั่นใจถึงอนาคตทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งประเทศไทยถือได้ว่าเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับสองของโลก มีความได้เปรียบประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบราซิลและออสเตรเลียในแง่ของค่าขนส่ง เนื่องจากอยู่ในทวีปเอเชีย ซึ่งมีอัตราการเติบโตของการบริโภคน้ำตาลสูง"นายถกล กล่าวในที่สุด