เนื่องจากมีปัจจัยบวกสนับสนุนอย่างชัดเจนโดยเฉพาะคำสั่งซื้อของลูกค้าที่ชะลอการส่งมอบในไตรมาส 2/56 ได้ยกยอดมาส่งมอบทั้งหมดในไตรมาสนี้ พร้อมกับออเดอร์ปกติในไตรมาส 3/56 ด้วย ส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มสูงขึ้นจนเกิดEconomy of Scale ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงได้กระตุ้นให้ราคาเหล็กในประเทศขยับตัวสูงขึ้น จึงเป็นผลดีต่อบริษัทฯ อย่างชัดเจน สะท้อนให้ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่นดังกล่าว
“ไตรมาสที่ 3 ปีนี้เราคงจะเห็นการเติบโตของ CHOW ค่อนข้างโดดเด่น เพราะธุรกิจเราขับเคลื่อนได้ดี ปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทก็เอื้ออำนวยเป็นผลดีต่อธุรกิจ ซี่งเชื่อว่าสัญญาณนี้จะส่งผลดีต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี ประกอบกับปัญหาน้ำท่วมในอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานการผลิตไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าปีนี้เรายังโชว์ฟอร์มได้ดีตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ส่วนธุรกิจอื่นๆ ที่ได้ริเริ่มไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก และคาดว่านักลงทุนจะเห็นความชัดเจนของธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้" นายอนาวิล กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายปริมาณการขายในปี 56 ไว้ที่ 250,000- 300,000 ตัน โดยปัจจุบันได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และหากต้นทุนในการผลิตต่อหน่วยเคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่ดีอย่างสม่ำเสมอ จะสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่ดีในทิศทางเดียวกันด้วย