แต่การเข้าซื้อหุ้น JUTHA ในครั้งนี้ มองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน เนื่องจากทางครอบครัวของตนเองทำธุรกิจเกี่ยวกับเรือ(กลุ่มนทลิน)โดยมีเรือขนส่งน้ำมันเป็นหลัก ทำให้อยากลองหาโอกาสในธุรกิจเรือประเภทอื่น ซึ่ง JUTHA มีรูปแบบของเรือบรรทุกสินค้า แตกต่างจากกลุ่มนทลิน ประกอบกับมองแนวโน้มตลาดของ JUTHA มีการเติบโตในอนาคต แม้ว่าผลประกอบการจะออกมายังไม่แน่นอนนักในขณะนี้
อนึ่ง นางสาวนีรชา ปานบุญห้อม เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ JUTHA จำนวน 15 ล้านหุ้น และนางสาวปาลีรัฐ ปานบุญห้อม เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ JUTHA จำนวน 7.45 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 4.50 บาท
"ที่เราซื้อหุ้นของ JUTHA เป็นเรื่องการลงทุนส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง SEAOIL เลย ต้องบอกว่า JUTHA เป็นเรือเบ๊าท์ไม่ใช่เรือขนส่งน้ำมัน ที่ซื้อเพราะทางบ้านทำธุรกิจเรืออยู่แล้ว โดยมีเรือน้ำมันเป็นหลัก อยากลองธุรกิจเรือประเภทอื่นบ้าง ก็ลองดูว่าเรือเบ๊าท์จะเป็นยังไง ทำให้เราลองมาลงทุนดู ไม่เกี่ยวกับ SEAOIL อนาคตเราจะทำอะไรร่วมกับ JUTHA ไหม อันนี้เราไม่ได้ plan ไว้ ตอนนี้ก็ไม่มี project ร่วมกัน เพราะเราซื้ออยากลงทุนส่วนตัวจริงๆ
มองว่า JUTHA มีผลประกอบการที่ผ่านมาดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่อนาคตเห็นการที่ตลาดจะโตได้ ทำให้ลองซื้อเก็บไว้ น่าเป็นโอกาสที่การลงทุนหุ้นตัวนี้มีโอกาสเติบโตเป็นไปได้มากกว่า ส่วนจะเก็บหุ้นเพิ่มหรือไม่ก็ยังไม่คิดไว้ คงไว้เท่านี้ก่อน ลองดูโอกาสอีกทีค่อยว่ากัน เราซื้อหุ้น JUTHA 15 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือเป็นของพี่สาวซื้อ"นางสาวนีรชา กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ของ SEAOIL มั่นใจว่ารายได้ยังเติบโตได้ตามเป้าที่ 20% จากปีก่อน โดยไตรมาส 3/56 แนวโน้มยังรักษาระดับการเติบโตในระดับที่ดี และไตรมาส 4/56 จะพยายามทำให้ผลประกอบการรักษาระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งโดยปกติในไตรมาส 4 ของทุกปีผลประกอบการมักจะออกมาต่ำกว่าไตรมาสอื่นๆ
"เราก็งยังมั่นใจรายได้ปีนีโต 20% จากปีก่อน ส่วนไตรมาส 3/56 ยังรักษาระดับการเติบโตได้ดี ใกล้ๆประกาศงบคุยกันอีกที และไตรมาส 4/56 เป็นช่วงโลว์ซีซั่น เพราะเป็นหน้ามรสุมของฝั่งอ่าวไทย แต่จริงๆฝั่งอ่าวไทยก็โลว์ซีซั่นตลอด เราก็จะขยายตลาดทางฝั่งอันดามันเพื่อมาทดแทนในช่วงนี้ ไม่อย่างนั้นยอดขายในไตรมาส 4 ก็คงตกลงในทุกๆปี แต่ฝั้งอันดามันยังไม่รับมรสุมมาก การขยายตลาดฝั่งนี้เป็นการทดแทนและทำให้ผลประกอบการในแต่ละไตรมาสใกล้เคียงกัน ซึ่งไตรมาส 4 ของทุกปีจะน้อยกว่าไตรมาสอื่นๆ แต่ปีนี้จะพยายามให้ไม่น้อยกว่า"นางสาวนีรชา กล่าว
ส่วนการเจรจากับลูกค้าในอินโดนีเซียนั้น นางสาวนีรชา กล่วยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญาแต่อย่างใด แต่มีลูกค้าจากอินโดนีเซียเข้ามาติดต่อบริษัทอยู่เรื่อยๆ ขณะที่ทางบริษัทยังเน้นการขยายตลาดทางฝั่งอันดามันมากกว่า และทางด้านน่านน้ำกัมพูชา ส่วนทางอินโดนีเซียยังไม่ได้เน้นมากนัก
"การขยายตลาดของเรามาทางอันดามันมากว่า แต่อินโดนีเซียถ้ามีโอกาสเราคงไป แต่ยังไม่มีชัดเจนว่าจะทำสัญญา ยังไม่ได้มีลูกค้าที่แนวโน้มทำข้อตกลงกัน การขยายตลาดต่างประเทศเป็นโอกาสเรา โดยเฉพาะทางฝั่งอันดามันที่เราทำอยู่และที่อื่นๆ ก็จะขยายมากขึ้น โดยเฉพาะในกัมพูชา อินโดฯเรายังไม่เน้น ถ้ามีโอกาสและมีลูกค้าเราก็ไป แต่ไม่มีลูกค้ารายไหนทำข้อตกลง จริงๆก็มีลูกค้าอินโดฯเข้ามาติดต่อเรื่อยๆ"นางสาวนีรชา กล่าว