พร้อมทั้งประเมินว่ากำไรปีนี้-ปีหน้าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธุรกิจ Broadband ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้น
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 11.00 บล.ฟิลลิป ซื้อ 10.50 ลบ.เกียรตินาคิน ซื้อ 10.40 บล.ทิสโก้ อยู่ระหว่างปรับขึ้น(เดิมซื้อ) 9.50
บทวิเคราะห์ของ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า JAS มีแผนขายสินทรัพย์โครงข่ายบอร์ดแบนด์อินเตอร์เน็ตทั่วประเทศ เข้า Infra Fund(IFF) มูลค่า 7 หมื่นล้านบาทภายใน 4Q13-1Q14 คาดว่าจะได้กำไรพิเศษสุทธิ 3.2 หมื่นล้านบาท
เงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ 4.66 หมื่นล้านบาทจะใช้ในการลงทุนรวม 1.2 หมื่นล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้าเพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขัน โดยเฉพาะการขยายโครงข่ายบอร์ดแบนด์อินเตอร์เน็ตรองรับฐานลูกค้าเพิ่มจากสิ้นปี 13 ที่ 1.5 ล้านราย เป็น 3 ล้านราย (จากเดิมที่ 2 ล้านราย) ภายในปี 16 โดยเพิ่มสัดส่วนของลูกค้าระบบ FTTX (บริการที่ให้ความเร็วสูงมากถึง 1,000 Mbps โดยใช้สาย Optical Fiber ไปถึงลูกค้าทุกราย)
ทั้งนี้ มองความเป็นไปได้ที่บริษัทจะมีการจ่ายปันผลพิเศษ(จากคาดเดิมที่ Payout 35%)หรือซื้อหุ้นคืนอีกครั้ง แม้คาดผลกระทบสุทธิในระยะยาวเป็นลบต่องบกำไรขาดทุนหลังธุรกรรม IFF จากเงินปันผลรับจากการถือหุ้น 33% ใน IFF กับดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการจ่ายคืนหนี้ กับค่าเสื่อมราคาที่ลดลงน้อยกว่าค่าเช่าทรัพย์สินกลับจากกองทุนปีละ 4.2 พันล้านบาทในช่วง 7 ปี และต่อสัญญาเช่าได้อีก 2 ครั้งๆ ละ 7 ปีจนถึง 20 ปี
แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด ตัวเลขต่างๆ จึงยังไม่นิ่ง และอาจมี Upside จากแผนขยายฐานลูกค้าของบริษัทที่ Aggressive กว่าเดิมดังกล่าว หรือทยอยรับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้า IFF มาชดเชย
ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 14.6% จากราคาเป้าหมาย 11 บาท จากคาดการณ์อัตรากำไรโตเฉลี่ย 20% ในช่วงปี 2014-2015 และยังไม่รวมมูลค่าเพิ่มจาก IFF ที่คาดเบื้องต้น 3.75 บาท
ด้าน น.ส.มินทรา รัตยาภาส นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า การประเมินราคาพื้นฐานหุ้น JAS ที่ 10.50 บาท ยังไม่รวมผลจากการจัดตั้งกองทุน IFF เพราะกระบวนการยังไม่แล้วเสร็จ แต่จากธุรกิจปกติคาดไตรมาส 3/56 จะมีกำไร 758 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% YoY และทั้งปีกำไรสุทธิน่าจะเติบโต 37%
อย่างไรก็ตาม หากมีการจัดตั้งกองทุน IFF (ล่าสุดเป็นช่วง 5-7 หมื่นล้านบาท) โดย JAS จะเป็นผู้เช่าโครงข่ายใช้กำหนดค่าเช่าต่อปี 4,200 ล้านบาท อาจต้องมีการปรับผลประกอบการ เพราะค่าเช่าสูงกว่าค่าเสื่อมที่จะประหยัดได้ แต่ก็จะได้เงินก้อนโตจากการระดมทุนตรงนี้เข้ามาเป็นแหล่งเงินทุนที่มั่นคงรองรับการเติบโตธุรกิจบรอดแบนด์
สำหรับราคาพื้นฐาน(ยังไม่รวม IFF)พบว่ามี upside 11% จากคาดปีนี้กำไรโตและปี 57 ก็กำไรต่อเนื่อง แต่ปี 57 อาจจะมีผลกระทบจากค่าเช่าราว 4,200 ล้านบาท
ขณะที่ นายฐาปน พานิช นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า แนวโน้มราคาเป้าหมายหุ้น JAS น่าจะปรับขึ้นเพราะจะมีเงินทุนก้อนใหญ่ที่เข้ามาจากกองทุน IFF เพื่อการขยายธุรกิจ เพราะตอนนี้ปัญหาหลักของ JAS คือไม่สามารถจะขยายธุรกิจได้เร็วเท่าที่ควร แต่ถ้าได้เงินมา 6 หมื่นล้านบาทก็เป็นเม็ดเงินที่มากพอที่จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้มาก
"เมื่อเทียบกับ TRUE ถึงแม้จะมีกองทุน IFF ออกมาก็ต้องเอาไปจ่ายหนี้บางส่วน ไม่น่าจะมีเงินมาลงธุรกิจบรอดแบนด์มากนัก แต่ถ้า JAS ขายกองทุน IFF ได้ก็น่าจะไปได้ไกลกว่า"นายฐาปน กล่าว
ส่วน น.ส.รัศดา ทวีแสงสกุลไทย นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)เชื่อว่า กำไรของ JAS ในปี 56 จะโดดเด่นมาก เพราะการเติบโตในอัตราที่สูงของยอดผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ คาดมียอดผู้ใช้รายใหม่เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 1.5 แสนราย คิดเป็นการเติบโตที่ 12.4% yoy จึงคาดปี 56 นี้จะมีกำไรสุทธิ 3,182 ล้านบาท เติบโตถึง 48.91% ส่วนปี 57 กำไร 3,642 ล้านบาท จะเติบเพิ่มขึ้นอีก 14.5%
ส่วนแผนการตั้งกองทุน IFF มูลค่า 5-6 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมในราคาเป้าหมาย จะทำให้บริษัทมีกำไรเข้ามา ขณะที่บริษัทไม่ได้มีหนี้ จึงสามารถนำเงินไปลงทุนขยายธุรกิจได้ทั้งหมด โดยเฉพาะบริการบรอดแบนด์