"ด้วยประสิทธิภาพการออกแบบและคุณภาพเครื่องจักร การส่งมอบเครื่องจักรทันเวลา รวมถึงการบริการหลังการขายที่ดี ทำให้เชื่อมั่นว่าบริษัทฯ จะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามอบหมายให้ทำงานต่อเนื่อง"นายนรากร กล่าว
บริษัทยังคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/56 น่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนได้อย่างดีเยี่ยม เช่น การเพิ่มปริมาณการผลิตชิ้นส่วนที่นำมาใช้ในการประกอบเครื่องจักรเองแทนการสั่งซื้อ การควบคุมค่าใช้จ่าย เป็นต้น จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น
“ช่วงไตรมาส 3 ปีก่อน เราขาดทุน 3.8 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้ามีการเลื่อนแผนงาน ส่งผลต่อการรับรู้รายได้ แต่ปีนี้คาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ เพราะมีการบริหารจัดการ กระจายความเสี่ยงโดยรับงานจากลูกค้าหลายๆกลุ่ม เพื่อป้องกันผลกระทบ จากการเลื่อนแผนงานดังที่ได้เคยประสบมา พร้อมกับการมุ่งเน้นจัดการด้านต้นทุนอย่างดี ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น" นายนรากร กล่าว
พร้อมกันนี้ มั่นใจว่ารายได้ของ EUREKA ในปี 2556 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 400 ล้านบาท หรือ เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปัจจัยบวกของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ได้รับออเดอร์เพิ่มขึ้นจากผู้ประกอบรถยนต์ โดยในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 189.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 26.4 ล้านบาท