อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิทั้งปีนี้คงจะต่ำกว่าปีที่แล้ว โดยคาดการณ์อยู่ที่ 2.8- 3.2 พันล้านบาท จากปีก่อน 4.7 พันล้านบาท เนื่องจากธุรกิจครึ่งปีแรกที่กำไรสุทธิปรับตัวลดลงมาก แต่ปี 57 กำไรสุทธิจะกลับมาเทียบเท่าหรือดีขึ้นกว่าปี 55 คาดการณ์กำไรสุทธิประมาณ 4.9-5.1 พันล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้น TUF ไต่ขึ้นตามการฟื้นตัวของบริษัทในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจากจุดต่ำสุดที่ 45 บาทเมื่อส.ค.56 จึงแนะ"ทยอยสะสม"หรือ"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"แต่โบรกเกอร์บางแห่งแนะให้ถือเพื่อรอเงินปันผล
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง ซื้อ 64.00 บล.ดีบีเอส ซื้อ 64.00 บล.กรุงศรี ซื้อ 62.00 บล.เอเชียพลัส ถือ 62.00 บล.ทิสโก้ ซื้อ 62.00 บล.ทรีนิตี้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 60.00 บล.บัวหลวง ซื้อเก็งกำไร 60.00 บล.ฟิลลิป ทยอยซื้อ 59.00 บล.เคจีไอ ถือ 59.00
นายประเสริฐ รุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี มองว่าผลประกอบการของ TUF ในไตรมาส 3/56 จะฟื้นตัว และในไตรมาส 4/56 จะโตก้าวกระโดด หลังจากที่ครึ่งแรกของปี 56 ออกมาไม่ดี เนื่องจากลูกค้าไม่ส่งออร์เดอร์มา เพราะราคาทูน่าปรับสูงขึ้น แต่ในไตรมาสนี้ราคาชะลอตัวลงแล้ว โดยเริ่มเห็นราคาลงตั้งแต่เดือน ก.ค.56 จึงคาดว่าในไตรมาส 4 นี้มีออเดอร์แบบ OEM เข้ามามากทั้งที่ปกติเป็นช่วงโลว์ซีซั่น
ประกอบกับ ธุรกิจกุ้งก็เริ่มมีกำไรใน 2 เดือนท้ายของไตรมาส 3/56(ส.ค.-ก.ย.56)และคาดว่าผลผลิตกุ้งในเดือนต.ค.นี้จะกลับมาเพิ่ม 3 เท่าตัว ทำให้ลดแรงกดดันราคากุ้ง
อย่างไรก็ดี คาดว่าในปี 56 กำไรสุทธิจะลดลงจากปีก่อนมาที่ 2.8 พันล้านบาท จากปี 55 ที่มีกำไรสุทธิ 4.7 พันล้านบาท แต่ในปี 57 มองว่ากำไรจะเติบโตดีเทียบเท่าปี 55 หรืออาจจะดีกว่า โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 5.1 พันล้านบาท แต่ยังต้องรอการประเมินอีกครั้ง
ทั้งนี้ ยอดขายหลักของ TUF มาจากธุรกิจทูน่าประมาณ 70% แบ่งเป็นทูน่าที่มีแบรนด์สัดส่วน 40% และการผลิตตามคำสั่ง(OEM) สัดส่วน 30% ส่วนธุรกิจกุ้ง มีสัดส่วน 20% ที่เหลืออีก 10% เป็นรายได้จากอาหารทะเลอื่นๆ
"ตัวที่จะทำให้ผลประกอบการขึ้นลงมาจากสองส่วนคือ OEM ทูน่ากับธุรกิจกุ้ง...ให้ทยอยสะสมได้ ปีหน้าคิดว่าผลประกอบการกระโดด คำแนะนำคือ"ซื้อ"แต่ราคาปรับขึ้นมาแล้วจาก 45 บาทมาเป็น 56 บาท ขึ้นมาพอสมควรก็ต้องใช้วิธีทยอยซื้อ อย่าไปไล่ราคา เพราะผลประกอบการครึ่งปีหลังยังไม่ประกาศ"นายประเสริฐ กล่าว
นางสาวสุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า มีมุมมองเป็นเชิงบวกต่อบริษัทดีขึ้นจากที่ธุรกิจกุ้งเริ่มฟื้นตัวกลับมามีกำไร จะเห็นว่ากำไรในไตรมาส 3/56 ฟื้นตัว แม้ว่าจะยังไม่ดีเท่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยคาดว่าจะมีกำไร 894 ล้านบาท และไตรมาส 4/56 อาจทำกำไรสูงสุดของปี
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจในปีหน้าก็จะดีขึ้นอย่างชัดเจน จึงปรับราคาเป้าหมายมาเป็น 64 บาทในสิ้นปี 57 จาก 52 บาท โดยคาดว่าปี 57 จะมีกำไรสุทธิ 4.9 พันล้านบาท โดยธุรกิจทูน่าจะกลับมาดี ส่วนธุรกิจกุ้งก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ จากปี 56 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 3.2 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.7 พันล้านบาท
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ คาดกำไรในไตรมาส 3/56 ของ TUF ที่ 888 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 147% จากไตรมาส 2/56(QoQ)สะท้อนธุรกิจหลักทั้งทูน่าและกุ้งที่ดีขึ้นแม้จะยังไม่มาก ธุรกิจทูน่าโดยรวมดีขึ้นหลังราคาทูน่าเริ่มมีเสถียรภาพ คาดลูกค้า OEM จะมีความมั่นใจและสั่งซื้อมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจกุ้งเริ่มดีขึ้นหลังบริษัทนำเข้ากุ้งจากตปท.มาแก้ปัญหาการขาดแคลนในระยะสั้น อีกทั้งยังปรับราคาขายสำหรับกุ้งแปรรูปส่งออกได้ด้วย
"เราประเมินราคาเป้าหมายโดยอิงวิธี DCF อยู่ที่ 60 บาท ยังคงแนะนำเพียง “ซื้อเมื่ออ่อนตัว" โดยคาดว่าราคาหุ้นจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นได้หากธุรกิจกุ้งเริ่มมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น" บล.ทรีนิตี้ระบุ