ส่วนปี 56 คาดว่ากำไรจะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไร 35 ล้านบาท ตามการเติบโตของรายได้ที่คาดไว้ในระดับ 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 1,088 ล้านบาท เป็นผลมาจากยอดขายเฟอร์นิเจอร์ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนการผลิตลดลงจากการปรับสัดส่วนการผลิตด้วยการจ้างบริษัทอื่นผลิตแทนเพิ่มขึ้น โดยมองว่าในช่วงไตรมาส 4/56 ยอดขายจะทำลายสถิติสูงสุด เนื่องจากคำสั่งซื้อจากญี่ปุ่นทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับงานที่มีอยู่ในมือ(Backlog)กว่า 300 ล้านบาทจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด
นายอารักษ์ กล่าวว่า ในปีหน้า บริษัทจะได้รับผลดีจากการขยายตลาดในประเทศด้วยการร่วมมือกับ Mega Home ในการวางจำหน่ายสินค้าในแบรนด์ใหม่ "a7" ในทุกสาขาเพื่อกระจายตลาดไปยังหัวเมืองต่างๆ และรองรับการค้าชายแดนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งยังมองเห็นโอกาสในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)และญี่ปุ่นที่เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นถึง 20%
พร้อมทั้ง คาดว่าในปีหน้าอัตรากำไรสุทธิจะสูงขึ้นหลังจากบริษัทปรับเปลี่ยนกลยุทธมาเป็นธุรกิจซื้อมาขายไป และการจ้างบริษัทอื่นผลิตมากขึ้น เพราะสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ประกอบกับ มีการเพิ่มเครื่องจักรเข้ามาทดแทนการใช้กำลังแรงงานคน
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ 45% จะเป็นตลาดในประเทศ ขณะที่ 55% เป็นตลาดต่างประเทศ โดยจากศักยภาพของการค้าชายแดนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในปีหน้าบริษัทฯจะปรับสัดส่วนรายได้จากในประเทศและต่างประเทศให้ใกล้เคียงกันคือ 50:50
นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า จากการเจรจาเข้าซื้อกิจการบริษัทอื่นที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้บริษัทฯได้เปลี่ยนแผนมาเป็นเจรจาความร่วมมือในการนำสินค้าของบริษัทดังกล่าวมาจำหน่าย
"เราอยู่ระหว่างการร่วมมือธุรกิจกับบริษัทนี้ แต่เราก็ยังดูอยู่หากบริษัทที่เราร่วมมือด้วยมีศักยภาพที่ดี และมีกำลังการผลิตได้ตามที่ได้มีการตกลงก่อนหน้า ทางบริษัทฯก็อาจจะเข้าซื้อกิจการของบริษัทดังกล่าว"นายอารักษ์ กล่าว
ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ในปี 57 เชื่อว่าจะเติบโตได้มากกว่า 5% จากที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 6-7% หลังจาก 9 เดือนแรกของปีนี้เติบโตได้ดีกว่า 5% เนื่องจากในปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าหลักน่าจะฟื้นตัวขึ้นทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น รวมทั้งจีนและกลุ่ม AEC ขณะที่แนวโน้มของผู้บริโภคในประเทศปัจจุบันต้องการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์เป็นสัดส่วนที่สูงถึง 40% ซึ่งจะเป็นโอกาสที่สำคัญของบริษัทฯในอนาคตด้วย