อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในฐานะผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศทั้งในแง่รายได้และฐานลูกค้า ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงระบบโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่กว้างขวาง ตลอดจนตราสินค้าที่มีชื่อเสียง และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ
จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่และการลงทุนขนาดใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น อุตสาหกรรมโทรคมนาคมขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ชัดเจนขึ้นหลังการประมูลใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 3จี อย่างไรก็ตาม ข้อขัดแย้งที่มีนั้นยังคงดำรงอยู่ แต่ก็เชื่อว่าโอกาสที่ผลทางคดีจะเป็นไปในทางลบน่าจะมีความเป็นไปได้ต่ำ
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินงานที่แข็งแกร่งไว้ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังให้บริษัทดำเนินธุรกิจบนโครงข่าย 3จี ใหม่ได้โดยไม่ทำให้สถานะทางการแข่งขันและการเงินอ่อนแอลง
DTAC คงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งโดยเป็นผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 30% ของจำนวนลูกค้าและรายได้จากการให้บริการทั้งหมด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 บริษัทมีลูกค้าทั้งสิ้นจำนวน 27.2 ล้านราย และสร้างรายได้ 48,454 ล้านบาท
สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ความแข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัทยังคงได้รับแรงหนุนจากตราสินค้าที่มีชื่อเสียงและโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ครอบคลุมซึ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับประโยชน์ในรูปของความช่วยเหลือทางด้านบริหารจัดการจาก Telenor ASA (Telenor) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านสื่อสารโทรคมนาคมจากประเทศนอร์เวย์ด้วย โดย ณ เดือนสิงหาคม 2556 Telenor ถือหุ้นในสัดส่วน 42.6% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท
บริษัทมีรายได้ซึ่งไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม (Interconnection Charge-IC) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6%-8% ต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และเติบโต 13% สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของการใช้บริการด้านข้อมูลเป็นสำคัญ กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทต่อยอดขายปรับลดลงจาก 34.3% ในปี 2554 มาอยู่ที่ 30% ในปี 2555 และสำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 การลดลงของอัตรากำไรเกิดจากต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ภายใต้สัญญาสัมปทานที่ปรับเพิ่มขึ้นและต้นทุนการขายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
บริษัทได้ออกตราสินค้า“ไตรเน็ต"พร้อมทั้งเปิดให้บริการภายใต้โครงข่ายโทรศัพท์ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2556 บริษัทคาดว่าจะมีลูกค้า 8-10 ล้านรายบนโครงข่าย 3จี ใหม่นี้ ในขณะที่ความต้องการบริการด้านเสียงเข้าสู่ช่วงอิ่มตัว ความต้องการใช้บริการด้านข้อมูลจะเป็นแรงผลักดันการเติบโตที่สำคัญและช่วยรักษากระแสรายได้ของบริษัทในระยะยาว
บริษัทจะได้รับประโยชน์จากต้นทุนที่ประหยัดได้เนื่องจากค่าธรรมเนียมภายใต้ใบอนุญาตต่ำกว่าต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ภายใต้สัญญาสัมปทาน คาดว่าอัตรากำไรของบริษัทจะปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อรายได้ภายใต้การให้บริการ 3จี ใหม่มีมากพอ อย่างไรก็ตาม ในระยะปานกลางคาดว่าการลงทุนสำหรับการขยายโครงข่ายและค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมทางการตลาดจะสูงขึ้น ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสร้างตราสินค้า“ไตรเน็ต"ให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งสร้างฐานลูกค้า 3จี ใหม่และกระตุ้นการใช้อินเทอร์เน็ตนั่นเอง
ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินสดที่เข้มแข็งและระดับสภาพคล่องที่เพียงพอ โดยเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทอยู่ที่ระดับ 21,500-22,500 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และอยู่ที่ระดับ 12,572 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 เมื่อพิจารณาถึงการให้บริการภายใต้โครงข่าย 3จี ใหม่และการใช้บริการด้านข้อมูลที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น คาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตต่อเนื่องต่อไปในระยะปานกลาง ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทยังคงเข้มแข็ง โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 72.3% ในปี 2555 และ 100.8% เมื่อปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556
ระดับภาระหนี้ของบริษัทปรับสูงขึ้นจากเงินกู้ก้อนใหม่และการจ่ายเงินปันผลพิเศษก้อนใหญ่ในปี 2555 เป็นผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มเป็น 46.5% ณ สิ้นปี 2555 และ 40.8% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 เทียบกับระดับที่ต่ำมากที่ 11.6% ณ สิ้นปี 2554 คาดว่าในระยะปานกลางภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ลงทุนขยายโครงข่าย 3จี บริษัทวางแผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนสำหรับการขยายโครงข่ายโดยเพิ่มเติมจากเงินลงทุนสำหรับค่าใบอนุญาตไว้ประมาณ 14,500 ล้านบาทในปี 2556 และประมาณ 20,000 ล้านบาทโดยรวมสำหรับปี 2557 และ 2558 ในช่วงเข้าสู่การลงทุนรอบใหม่
บริษัทยังคงดำเนินนโยบายการจ่ายเงินปันผลในระดับสูง อันดับเครดิตอาจได้รับแรงกดดันหากความต้องการทางการเงินต่าง ๆ ผลักดันให้ระดับภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้และส่งผลให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าสถานะการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทตลอดจนการมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับสถาบันการเงินต่าง ๆ จะทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินเพียงพอต่อความต้องการเงินทุนในอนาคต
รายได้ของอุตสาหกรรมธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ไม่รวม IC) ในปี 2555 และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ยังคงแข็งแกร่ง โดยเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.5% ในปี 2555 และ 9% สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากการให้บริการด้านข้อมูลที่เพิ่มขึ้น การให้บริการด้านข้อมูลเติบโตอย่างมากด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 34% ในช่วงปี 2553-2555 และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 40% สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ในทางตรงกันข้าม การให้บริการด้านเสียงเติบโตเล็กน้อยด้วยอัตรา 3.5% โดยเฉลี่ยต่อปีในช่วง 2553-2555 และลดลง 1.4%
สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 รายได้จากบริการเสริม (Value-added Service-VAS) คิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้จาการให้บริการทั้งหมด โดยปรับสูงขึ้นจากระดับ 16% ในปี 2553 และ 19% ในปี 2554 แนวโน้มการให้บริการด้านข้อมูลยังคงสดใส ทั้งนี้ คาดว่ารายได้โดยรวมของอุตสาหกรรมในปี 2556 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเป็นผลจากการเปิดให้บริการโครงข่าย 3จี อย่างเป็นทางการ รวมทั้งจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของรายได้จากบริการด้านข้อมูลและการใช้อินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์เคลื่อนที่
ทั้งนี้ คาดว่าผู้ประกอบการใหญ่ทั้ง 3 รายของไทยจะแข่งขันในเชิงรุกมากยิ่งขึ้นทั้งในด้านการทำกิจกรรมทางการตลาดและสิ่งจูงใจเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าหันมาใช้โครงข่าย 3จี ใหม่รวมทั้งกระตุ้นการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้น โดยผู้ประกอบการเหล่านี้ได้นำเครื่องโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน (Smart Phone) ที่เป็นสินค้าตราเฉพาะของบริษัทพร้อมรายการส่งเสริมการขายการให้บริการอินเทอร์เน็ตออกมาจำหน่ายมากขึ้น ณ เดือนมิถุนายน 2556 ทั้งระบบมีลูกค้าที่ใช้บริการ 3จี อยู่จำนวน 10 ล้านราย คาดว่าจำนวนลูกค้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านรายภายในสิ้นปี 2556