กองทุน KFFIX6M77 มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน , สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China Asia Ltd. (สาธารณรัฐประชาชนจีน , ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ ECP รับประกันโดยธนาคาร Gazprombank (รัสเซีย) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Santander Brasil S.A. (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10% และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 20%
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.00% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M77(KFFIX6M77) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับ นักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อคผลตอบแทน โดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน"นายฉัตรพี กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 56 และ 57 ลงสู่ 3.7% และ 4.8% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 4.2% และ 5.0% เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด ความล่าช้าในการใช้จ่ายงบประมาณและแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการส่งออกฟื้นตัวช้า รวมทั้งได้ปรับลดคาดการณ์การส่งออกในปีนี้ลงสู่ขยายตัว 1% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 4% และปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งของปีนี้และปีหน้าลงด้วยเช่นกัน
ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง 0.01 — 0.03% และอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯปรับตัวลดลง 0.01 — 0.06%