สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB155A และ LB21DA (รุ่นอายุ 3.7 ปี, 1.6 ปี และ 8.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,386 ล้านบาท หรือคิดเป็น 69% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC17OA) มูลค่า 121.3 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (ICBCTL174A) มูลค่า 119.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC145A) มูลค่า 70.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 311.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,843 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,259 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,157 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.43% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในตราสารรุ่นอายุ 10 ปี ประมาณ 2 bps. จากแรงขายของนักลงทุนบางส่วน โดยเฉพาะกองทุนรวม โดยตลาดยังคงจับตาการประชุม FOMC วันที่ 29-30 ต.ค.นี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับมาตรการ QE หรือไม่ ด้านนักลงทุนต่างชาติมีการเข้าซื้อในพันธบัตรระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 4,157 ล้านบาท