ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับงานใหม่เพิ่ม อีกจำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ และอาคารแวดล้อม บมจ. กสท โทรคมนาคม ซึ่งเป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับงานอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) ของบมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ระยะเวลาก่อสร้าง 132 วัน, โครงการ Show DC Rama 9 (งานเพิ่มเติม) ซึ่งเป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับงานอาคาร ของบริษัท ShowDC Corporartion Limited ระยะเวลาก่อสร้าง 147 วัน, โครงการอาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับงานอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) ของบมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ระยะเวลาก่อสร้าง 191วัน และโครงการ A Space ID Asoke ซึ่งเป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับงานอาคาร (ไม่รวมวัสดุเหล็กเส้น) ของบมจ. อารียา พร๊อพเพอร์ตี้ (A) ระยะเวลาก่อสร้าง 92 วัน
ทั้งนี้มูลค่างานทั้ง 4 โครงการ มีมูลค่ารวม 158,646,013.68 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะทยอยรับรู้รายได้งานดังกล่าวทั้งหมดในปีนี้ พร้อมทั้งเดินหน้าประมูลงานใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2256 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา และช่วงเดียวกันของปีก่อน ในทิศทางเดียวกับภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้าง เสาเข็มเจาะ ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในปีนี้ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้อยู่ทั้งสิ้น (Backlog) 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานประเภทเสาเข็มเจาะทั้งหมด
“งานส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นงานค่าแรง ยอด Backlog ที่มีในมืออาจดูลดลงไปบ้าง แต่คุณภาพของ Backlog ดีขึ้น และจากแนวโน้มผลงาน Q3/56 ที่ผ่านมา และการประเมินสถานการณ์บริษัทฯ ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มองว่าบริษัทฯ จะมีทิศทางเติบโตที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้ PYLON จะเติบโต ไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาทได้สำเร็จ" นายบดินทร์ กล่าว