สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB15DA และ LB21DA (รุ่นอายุ 3.7 ปี, 2.2 ปี และ 8.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 10,621 ล้านบาท หรือคิดเป็น 67% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 193.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK144A) มูลค่า 133.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (PL163A) มูลค่า 101.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 428.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 22,953 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,074 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -8,017 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.45% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้น ในตราสารรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. จากแรงขายของนักลงทุนบางส่วน โดยเฉพาะชาวต่างชาติ โดยนักลงทุนยังคงรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทยอยประกาศออกมา และผลการประชุม FOMC ซึ่งตลาดคาดว่า Fed น่าจะคงนโยบาย QE อย่างน้อยจนถึงเดือน มี.ค. ปีหน้า สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายทั้งในพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 8,017 ล้านบาท