ทั้งนี้ บริษัทจะสามารถกลับมาซื้อขายในช่วงปลายปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)โดยบริษัทมีความพร้อมในด้านการบริหารจากการที่มีผู้บริหารชุดใหม่ โดยมีการอนุมัติแต่งตั้งนายณัฐพงศ์ พันธเกียรติไพศาล เป็นประธานกรรมการบริษัทคนใหม่ , นายสุรพล โอภาสเสถียร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เข้าดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัท
นายจักรกฤษณ์ กล่าวถึงแผนธุรกิของบริษัทว่า บริษัทมีเป้าหมายจะมีรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30% ต่อปี ซึ่งบริษัทตั้งเป้าภายใน 5 ปี(ปี 56-60) จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จากปีนี้ที่มีรายได้กว่า 1 พันล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไอทีอยู่ที่ประมาณ 80% และอีก 20% มาจากงานติดตั้งระบบ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนสูงขึ้น
“ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการต่างๆ อยู่ในมือมีมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ไม่น้อย 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะทำให้ผลประกอบการของ BLISS ในปีนี้พลิกกลับมามีกำไรได้ และคาดหวังว่ารายได้ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 2 พันล้านบาท เนื่องจากงานที่มีอยู่ในมือจะทยอยรับรู้ในปีหน้า 700 ล้านบาท และจะมีงานใหม่เข้ามาอีก รวมทั้งงานประมูลแท็บเล็ตที่มีมูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท"นายจักรกฤษณ์ กล่าว
นายจักรกฤษณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจของ BLISS เดินหน้าเข้าสู่โครงสร้างธุรกิจใหม่ที่วางไว้เต็มตัวแล้วทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจที่ประกอบด้วย กลุ่มเทเลคอมโซลูชั่น กลุ่มไอทีโซลูชั่น และกลุ่มซอฟแวร์และดิจิตอลมีเดีย สามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทได้แล้วครบทุกกลุ่ม และยังสามารถสร้างสรรค์โครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับโครงสร้างคณะกรรมการและทีมผู้บริหารชุดใหม่ที่มีความสามารถและมุ่งมั่นในการทำงาน โดยมีเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน และพร้อมทำธุรกิจบนหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส ทุกฝ่ายสามารถตรวจสอบได้
"เราเลือกทำธุรกิจในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพราะเป็นธุรกิจที่มีอนาคต มีความเสี่ยงต่ำและสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี ประกอบกับเรามีทีมงานที่มีประสบการณ์และชำนาญงานในด้านนี้เป็นพิเศษ โดยตั้งเป้าหมายเพื่อการเติบโตที่ดีต่อเนื่องในทุกๆ ปี"นายจักรกฤษณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับว่ายังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการขาดบุคคลากรที่ทำงานด้านเทคโนโลยี ซึ่งมองว่า ผลิตออกมาไม่ทันตามความต้องการ โดยในช่วง 1-2 ปี ยังขยายธุรกิจภายในประเทศก่อนจะขยายธุรกิจไปในแถบอาเซียน ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาธุรกิจในเวียดนาม กัมพูชา ซึ่งบริษัทก็ต้องดูความพร้อมต่างๆ เสียก่อน ทั้งนี้จะเป็นเข้าไปขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยี
นายจักรกฤษณ์ กล่าวว่า เป้าหมายของ BLISS จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้และกำไรอยู่ในอันดับ 100 ของตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในปี 60 และจะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ให้ผลตอบแทนเกินความคาดหมายแก่ผู้ถือหุ้น รวมถึงเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือและปรารถนาที่จะเข้าร่วมทำงานด้วย และเป็นองค์กรที่มีการเรียนรู้ และมีความเป็นเลิศในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยคาดว่าจะนำหุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในปลายปีนี้
ด้านนายปุณณรัตน์ พุฒิคฤโฆษ กรรมการบริหาร และรองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจ BLISS กล่าวว่า ในไตรมาส 1/57 บริษัทจะเพิ่มสินค้าใหม่เข้าไปในกลุ่มธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการ เช่น กลุ่มเทเลคอม โซลูชั่น ได้นำเข้าและสั่งผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการกระจายสัญญาณ และอุปกรณ์ต่อพ่วง นำมาจำหน่ายให้กับผู้รับเหมาในโครงการต่างๆ ส่วนซอฟท์แวร์ได้ร่วมกับพันธมิตรพัฒนาโปรแกรม ERP ที่เหมาะสำหรับกิจการ SME ทั้งนี้จะช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษัทเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น
วันนี้ บริษัทได้เพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้าไปในกลุ่มธุรกิจแต่ละกลุ่มเพื่อสร้างความต่อเนื่องในการขายและบริการ เช่น กลุ่มเทเลคอมโซลูชั่น ได้นำเข้าและสั่งผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายสัญญาณและอุปกรณ์ต่อพวง ที่เป็นระดับ Industrial Grade เข้ามาจำหน่ายให้แก่ผู้รับเหมาในโครงการอื่นๆ ด้วย กลุ่มไอทีโซลูชั่น บริษัทฯ ได้พัฒนา Computer Tablet ภายใต้ชื่อแบรนด์ Ntel ซึ่งจะเป็น Tablet ที่บรรจุเนื้อหาสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสำหรับนักเรียนนักศึกษาพร้อมไว้ในตัว ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าอื่นๆ แล้ว Ntel คุ้มค่าที่สุด ในกลุ่ม Soft ware ทางบริษัทฯ ได้ร่วมกับพันธมิตรพัฒนาโปรแกรม ERP ที่เหมาะสำหรับกิจการ SME ซึ่งสามารถใช้งานบน Internet ได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลในการบริหารจัดการองค์กรธุรกิจได้ตลอดเวลา โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีจากคู่ค้า ซึ่งจะสนับสนุนให้ยอดขายของบริษัทฯ เติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น