อนึ่ง บมจ.สุธากัญจน์ ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท ปูนขาว คือแคลเซียมออกไซด์ และแคลเซียมไฮดรอกไซต์, แคลเซียมคาร์บอเนต และ ผลิตภัณฑ์ซื้อมาขายไป รวมทั้งมีรายได้จากการขายอื่น บริษัทมีโรงงานผลิต 2 โรงงาน คือ โรงงานที่ ต.ช่องสาริกา จ.ลพบุรี และโรงงานที่ ต.หน้าพระลาน จ.สระบุรี โดยมีเตาเผาปูน 6 เตา รวมกำลังการผลิต 900 ตัน/วัน
นายปัญชฤทธิ์ กล่าวว่า บริษัทฯคาดหวังว่าจะสามารถระดมทุนได้เม็ดเงินขั้นต่ำ 280 ล้านบาท จึงจะเพียงพอต่อการนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ คือการลงทุนขยายการผลิตแคลเซียมไฮดรอกไซด์ การลงทุนในระบบและเครื่องบดถ่านหินชนิดระเหยง่าย และลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปูนขาว รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและชำระเงินกู้จากสถาบันการเงิน
สำหรับผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้จะมี 3 ราย คือ บล.เคที ซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายคือ บล.ฟินันเซีย ไซรัส และบล.เอเชีย พลัส
"ตอนนี้ภาวะตลาดไม่ค่อยดี แต่เรายังมีเวลาประมาณ 40 วันกว่าจะขาย IPO ซึ่งภาวะตลาดฯน่าจะดีขึ้นได้ เพราะปัจจัยที่เกิดขึ้นกันตลาดในเวลานี้ไม่ได้เกี่ยวกับตลาดทุน แต่เกี่ยวกับการเมือง เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่จะขาย หลาย ๆ เรื่องน่าจะเคลียร์กันได้แล้ว"นายปัญชฤทธิ์ กล่าว
บมจ.สุธากัญจน์ จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 27 มี.ค.56 คือ ครอบครัวมนต์เสรีนุสรณ์ โดยนายเกียรติกุล มนต์เสรีนุสรณ์ ถือหุ้น 149,493,400 หุ้น คิดเป็น 66.44% หลังเสนอขาย IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 49.83% และนายกิติเมธี มนต์เสรีนุสรณ์ ถือหุ้น 52,730,2250 หุ้นคิดเป็น 23.44% ซึ่งจะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 17.58%
*ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10%, เป้าปีหน้าโต 12-15%
นายปัญชฤทธิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 56 เติบโตประมาณ 10% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 830 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปีนี้บริษัทคาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับที่แล้วหรือไม่เกิน 10% และในปี 57 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 12-15% จากปีนี้ เนื่องจากจะมีรายได้จากธุรกิจใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งให้มาร์จินสูงกว่าธุรกิจหลักที่ได้จากการขายปูนขาว
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายปูนขาว 85%, แคลเซียมคาร์บอเนต 15% และมีสัดส่วนรายได้จากการขายเชื้อเพลิงถ่านหินและปิโตรเลียมโค้ก ซึ่งจะใช้ในธุรกิจเหมืองแร่ แม้ว่าสัดส่วนรายได้จะยังไม่มากในปีนี้ แต่จะมากขึ้นในปีหน้า
นายปัญชฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ธุรกิจใหม่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างจะเป็นลักษณะของการขายความรู้ที่ได้จากประสบการณ์การทำธุรกิจปูนขาวมานานหลายปีให้กับลูกค้าต่างประเทศ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจา หากสามารถเริ่มในปีหน้าก็จะทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทจากธุรกิจใหม่มีมากพอกับสัดส่วนรายได้การขายปูนขาว
ทั้งนี้ ลูกค้าของบริษัทเป็นลูกค้าในประเทศในสัดส่วน 80% และอีก 20% เป็นลูกค้าต่างประเทศ