(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค, การเมืองร้อนแรงกดดันซ้ำ

ขณะเดียวกันตลาดบ้านเราก็คงจะได้รับแรงกดดันจากปัจจัยทางการเมือง เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯในวาระที่ 2-3 ที่มีการปรับแก้ไขเป็นฉบับสุดซอย ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์รวมตัวชุมนุมต่อต้านเย็นวันนี้ ซึ่งก็ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดต่อไป พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,425-1,410 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(30 ต.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,618.76 จุด ลดลง 61.59 จุด (-0.39%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,763.31 จุด ลดลง 8.64 จุด (-0.49%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,930.62 จุด ลดลง 21.72 จุด(-0.55%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 28.34 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.95 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 169.63 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 27.30 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.62 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 11.96 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 0.51 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.24 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 8.20 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(30 ต.ค.)ที่ 1,431.12 จุด ลดลง 24.74 จุด (-1.70%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 11.37 ล้านบาท เมื่อ 30 ต.ค.56
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(30 ต.ค.)ที่ 96.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.43 ดอลลาร์ฯ
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(30 ต.ค.)ที่ 3.00 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดตลาดที่ 31.08/10 หลังเฟดไม่ลดขนาด QE-คงดอกเบี้ย
• ภาคเอกชนประสานเสียง เร่งยุติปัญหาการเมืองใน-นอกสภาฯ แนะรัฐบาลถอยพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อชาติ หวั่นกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ-กำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงโค้งสุดท้ายไฮซีซัน หุ้นไทยร่วง 24 จุดสวนทางภูมิภาค โบรกเกอร์ชี้นักลงทุนห่วงเกิดความรุนแรง หลังมีหลายกลุ่มออกมาชุมนุมต่อต้าน ขณะที่นักวิชาการชี้การเมืองร้อนฉุดเศรษฐกิจโตต่ำ 3.5%
• นักเศรษฐศาสตร์จับตาต้นปีหน้าศึกการคลังสหรัฐ หวั่นกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจทั่วโลก เชื่อยังเป็นแรงกดดันเฟดคงคิวอีอีกนาน ระบุปิดหน่วยงานรัฐฉุดเศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 4 ชะลอตัว
• สศค.ชี้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสโตต่ำกว่า3.7% หลังตัวเลขส่งออกเดือนก.ย.ติดลบถึง 7.1% ลุ้นปีหน้าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวโต 5.1% ขณะที่ การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนยังชะลอ ฉุดภาษีมูลค่าเพิ่มลบต่อเนื่องด้าน กนง.ห่วง 3 ปัจจัยเสี่ยง "เบิกจ่ายรัฐต่ำเป้า -ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพุ่ง-หนี้ครัวเรือน สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือคาดส่งออกปีนี้โตแค่ 1% ประเมินปีหน้าขยายตัว 5-7% ตลาดหลักฟื้นตัว
• นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.กำลังติดตามสถานการณ์การเมือง เพราะถ้ามีการชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเกิดความวุ่นวายและยืดเยื้อคงมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงและจะกระทบความเชื่อมั่น
• นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)เปิดเผยถึงการประมูลทีวีดิจิตอลว่า หมวดรายการทั่วไปแบบความคมชัดปกติ(เอสดี)มีการแข่งขันสูงสุด เนื่องจากมีผู้ยื่นประมูล 16 ราย ขณะที่มีใบอนุญาตเพียง 7 ใบ ส่วนหมวดรายการทั่วไปแบบความคมชัดสูง(เอชดี)แข่งขันน้อยสุด มีใบอนุญาต 7 ใบขณะที่มีผู้ยื่นประมูล 9 ราย

*หุ้นเด่นวันนี้

• SVI(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 4.80 บาท รายงาน Q3/56 ธุรกิจปกติโดดเด่น มีกำไร 154 ล้านบาท ฟื้นตัวชัดเจน 81% YoY และ 29% QoQ จากผลบวกเงินบาทอ่อนหนุนยอดขายเพิ่มขึ้น และบันทึกเงินประกันความเสียหายน้ำท่วมราว 59 ล้านบาท ประเมินผลดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และใน 4Q56 จะดีสุดของปี เบื้องต้นคาดยอดขายเพิ่มขึ้น 23% YoY และ 9% QoQ
• INET(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 4.80 บาท ประเมิน 3Q56 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 5 ล้านบาท จากขาดทุน 4 ล้านบาทใน 2Q56 และ 1 ล้านบาทใน 3Q55 เป็นผลรายได้เพิ่มจากการให้บริการที่มีมูลค่าเพิ่มของศูนย์ IDC โดยเฉพาะ Cloud Service จากลูกค้าภาครัฐ-เอกชน ไม่มีค่าใช้จ่ายการปรับปรุงองค์กรเหมือน 1H56 ประเมินผลดำเนินงานธุรกิจปกติ 2H56 จะมีกำไรโดดเด่น 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากใน 1H56
• SCC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 505 บาท ผลงาน Q3/56 ดีกว่าคาด -1% Q-Q, +53% Y-Y ส่วนกำไรปกติ -18% Q-Q, +26% Y-Y ดีกว่าคาดเนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีมี margin สูงกว่าคาด แนวโน้มกำไร 4Q13 จะลดลง Q-Q เพราะโรงงานปิโตรเคมีหยุดซ่อมบำรุง 45 วัน แต่ตลาดรับรู้แล้ว พร้อมปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 5% เป็นโต 49% แต่คงประมาณการปีหน้าโต 10%
• BANPU(เคทีบี)"เก็งกำไร"เป้า 33.75 บาท จากการพูดคุยกับผู้บริหารเกี่ยวกับทิศทางผลการดำเนินงาน ทำให้คาดว่า BANPU ผ่านจุดต่าสุดของผลการดำเนินงานไปแล้วในช่วง 1H56 คาดกำไรสุทธิจะพลิกฟื้นทางบวกมากขึ้น ส่วนระยะยาวกว่านี้จึงคาดว่าอยู่ในภาวะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า