สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB15DA, LB236A และ LB21DA (รุ่นอายุ 2.2 ปี, 9.7 ปี และ 8.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 8,517 ล้านบาท หรือคิดเป็น 56% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF218B) มูลค่า 245.3 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL14OA) มูลค่า 86.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (MBTH157A) มูลค่า 60.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 392.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,814 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,941 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 285 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.48% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.03%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-5 bps. ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ประกาศคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed funds rate) อยู่ในกรอบ 0-0.25% ในการประชุมวานนี้ และมีมติที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านการใช้