อย่างไรก็ดี วันนี้ตลาดฯอาจปรับตัวขึ้นได้บ้างแต่ก็จะมีแรงขายออกมา เนื่องจากจะมีการประกาศตัวเลขภาคการผลิตของจีนที่คาดว่าน่าจะออกมาดี ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบเล็กน้อย ปัจจัยนอกประเทศยังต้องรอดูเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อไป
พร้อมมองแนวต้านที่ระดับ 1,450 จุด น่าจะต้องผ่านไปให้ได้ หากผ่านได้จะเป็นสัญญาณซื้อ แต่ถ้าไม่ผ่านและปรับตัวลงก็จะเป็นสัญญาณขาย ซึ่งมองแนวลงไว้ที่ 1,435-1,430 จุด โดยแนะนำ"ขายเมื่อปรับตัวขึ้น" และกรณีที่แย่ที่สุดของการปรับตัวลงมองที่แนว 1,414 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(31 ต.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,545.75 จุด ลดลง 73.01 จุด (-0.47%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,756.54 จุด ลดลง 6.77 จุด (-0.38%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,919.71 จุด ลดลง 10.91 จุด(-0.28%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 75.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.73 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 2.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 24.41 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.17 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 5.70 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน All Saints
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(31 ต.ค.)ที่ 1,442.88 จุด เพิ่มขึ้น 11.76 จุด(+0.82%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,599.45 ล้านบาท เมื่อ 31 ต.ค.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(31 ต.ค.)ที่ 96.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.39 ดอลลาร์ฯ
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(31 ต.ค.)ที่ 2.62 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาดที่ 31.16/18 อ่อนค่าตามภูมิภาคจากดอลล์แข็ง
- "ต่างชาติ"หวั่นช่วงประท้วงบานปลายซ้ำรอยประวัติศาสตร์ปิดถนน สนามบิน เผาห้างสรรพสินค้า ระบุการเมืองไม่นิ่งฉุดบรรยากาศลงทุน ชี้จุดอ่อนไทยบังคับใช้กฎหมาย โบรกเกอร์ต่างชาติ ระบุนักลงทุนนอกห่วงปัญหาการเมืองกระทบภาคเศรษฐกิจจริง ฉุดจีดีพีไตรมาส 4 ปีนี้ ยาวถึงไตรมาส 1 ปีหน้า หลังรัฐบาลให้ความสำคัญ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแทนโครงการลงทุน 2 ล้านล้านขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
- เฟดตกลงทำสวอป "ถาวร" กับธนาคารกลางประเทศยักษ์ใหญ่ 6 แห่ง ระบุช่วยลดภาวะตึงตัวตลาดเงิน ขณะที่ยังคงมาตรการคิวอีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์คาดเฟดอาจลดคิวอีเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ส่งผลดอลลาร์แข็งค่า-ตลาดหุ้นร่วง
- ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยยัง"ทรงตัว" อานิสงส์ท่องเที่ยวยังแกร่งโต 27% ขณะ "บริโภค-ลงทุน"ทรุด ระบุเงินทุนเคลื่อนย้ายเดือนก.ย.ไหลเข้าสุทธิ 1.8 พันล้านดอลลาร์ ด้านไทยพาณิชย์ปรับจีดีพีปีนี้โต 3.4% ปีหน้าโต 4.5% จากการลงทุนภาครัฐ-การส่งออกฟื้นตัว ชี้ลดคิวอีเป็นปัจจัยเสี่ยงปีหน้า ส่งผลตลาดเงินผันผวน-ต้นทุนเอกชนพุ่ง
- สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) สั่งระงับไม่ให้บริษัทน้ำมัน ขึ้นราคาจากต้นทุนต้องสำรองน้ำมันตามกฎหมายเพิ่มจาก 5% เป็น 6% ของปริมาณการจำหน่าย เริ่มวันที่ 1 พ.ย.นี้
- นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยหลังการเดินทางเยือนนครนิวยอร์กและกรุงลอนดอนสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อโรดโชว์โครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทของไทยว่า นักลงทุนต่างชาติได้สอบถามและแสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ก็เหมือนกับการแข่งขันกีฬาที่ทั้งสองทีมต่อสู้กัน
*หุ้นเด่นวันนี้
- PRINC-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล(PRINC)เข้าเทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 466,850,000 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.20 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 1 ตุลาคม 2556) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 27 ธ.ค. 2556 และให้ใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 30 ก.ย. 2559
- TOG(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 4.70 บาท คาดงวด 3Q56 โดดเด่นต่อเนื่องหลังจากกระบวนการผลิตกลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ไตรมาสก่อนหน้า คาดกำไรการดำเนินงานปกติ 42 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 9 ล้านบาท และกำไรสุทธิมีโอกาสที่จะดีกว่าคาดเนื่องจากยังไม่รวมเงินสินไหมประกันที่จะบันทึกเข้ามาในงวด 3Q56 มองว่าหุ้น TOG ยังมีจุดเด่นจากการมีรายได้หลักจากการส่งออกทำให้มีความเสี่ยงต่ำจากปัญหาการเมืองในประเทศ
- KCE(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 23.90 บาท ประเมินกำไรสุทธิของ KCE ใน 3Q56 ไว้สูงเป็นสุดประวัติการณ์ที่ 332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% QoQ และ 906% YoY จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 95% ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นเป็น 27.8% ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ขณะที่อัตราสูญเสียลดเหลือ 4.3% เท่านั้นจากเดิมที่ราว 7% โดยประเมินกำไรสุทธิทั้งปี 56 ไว้ที่ 945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% YoY และจะขยายตัวอีก 20% เป็น 1,137 ล้านบาทในปี 57 โดยที่ปัจจัยหนุนหลักจะอยู่ที่ประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นสม่ำเสมอของ KCE Tech และอัตราสูญเสียจากการผลิตลดลง
- TOP(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 71 บาท กำไรดีกว่าคาดมากจากสต็อก แต่ใกล้เคียงกับตลาดคาด กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 2Q13 ที่ขาดทุนสุทธิ 1,565 ล้านบาท แต่ยังลดลง 25% Y-Y โดยเป็นกำไรจากสต็อกน้ำมัน 3,342 ล้านบาท ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 4,017 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 2,708 ล้านบาทใน 2Q13 แต่ชะลอตัว 47%Y-Y