(เพิ่มเติม) โอเชี่ยน คอมเมิร์ซ ยังหวังเข้าเทรดภายใน พ.ย.นี้ เชื่อการเมืองไม่กระทบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 4, 2013 13:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิร์ซ(OCEAN)หวังว่าจะสามารถนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ทันภายในปลายเดือน พ.ย.56 แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองอาจจะมีความวุ่นวายบ้าง แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบกับการซื้อขายหุ้นของบริษัท เพราะสินค้าของบริษัทเป็นสินค้าจำเป็น และยังเชื่อมั่นว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายราว 22-25% ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)จะลดลงจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 2 เท่า

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอนเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน OCEAN กล่าวว่า ปัจจุบัน โอเชี่ยน คอมเมิร์ซ อยู่ระหว่างการรอพิจารณาแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นให้กับประชาชน (IPO) และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) จากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ต.ล.) ก่อนเตรียมขาย IPO 100 ล้านหุ้น โดยหวังว่าจะสามารถเปิดจองซื้อหุ้น IPO รวมถึงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ภายในเดือน พ.ย.56 นี้

"การเมืองที่มีความวุ่นวายจะไม่กระทบ เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯเป็นกลุ่มที่ยังมีความต้องการเปลี่ยนบ่อย และราคาไม่แพง ประกอบกับ หลังจากที่ได้มีการไป โรดโชว์มาทั้งหมด 9 จังหวัด ได้รับความสนใจ และติดตามจากนักลงทุนอย่างหนาแน่น จึงจะยังมีความมั่นใจที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ในช่วงนี้"นายสมภพ กล่าว
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้ขยายต่อเติมโรงงาน ปรับปรุงสายการผลิตที่มีอยู่เดิมของโรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน โดยคาดว่าในส่วนแรกจะใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านบาท ในการลงทุนเฟสแรกช่วงปี 57

นายอุชัย วิไลเลิศโภคา กรรมการผู้จัดการ OCEAN เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจปีนี้รายได้จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย 22-25% จากที่บริษัทฯได้เน้นการขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันทางบริษัทฯก็ได้มีการเติบโตไปตามการขยายตัวของร้านค้าปลีกต่างๆ เช่น Global house บุญถาวร ไทวัสดุ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทยังคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 57 บริษัทจะมีการขยายตลาดไปยังร้านค้าปลีกต่างๆเพิ่มขึ้นอีก เช่น Lotus ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงต้นปี 57 และยังมองว่าหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) จะทำให้กำแพงทางด้านภาษีหมดลง ทำให้การส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ จะทำให้มีการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ และมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าหลังจากที่มีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ แล้วจะส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน D/E ลดลงมาอยู่ที่ 1 เท่ากว่า จากปัจจุบันที่ 2 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ