สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB236A และ LB196A (รุ่นอายุ 3.6 ปี, 9.6 ปี และ 5.6 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 9,555 ล้านบาท หรือคิดเป็น 59% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL145A) มูลค่า 150.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC19OA) มูลค่า 100.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (PL16OA) มูลค่า 81.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 332.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,173 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 13,468 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -2,164 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.52% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.53% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ประมาณ 1 bp. ในขณะที่วันนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลงค่อนข้างมากจากความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศ การประมูลตั๋วเงินคลังอายุ 28 วัน ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันในประเทศค่อนข้างมาก โดยมียอดเสนอประมูล 2.56 เท่าของวงเงินประมูล สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 2,164 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ระยะสั้น