สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่ส่งผลให้ธนาคารเลือกขยายสาขาที่อินโดนีเซียเพิ่มเติม คือ ประชากรทั้งประเทศที่มีมากกว่า 240 ล้านคน เศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากรายได้ประชากรต่อหัวมากกว่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ประกอบกับกานขยายตัวของสินเชื่อที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายหลังการเปิดสาขาที่ 3 แล้วจะส่งผลให้สินเชื่อภายในสิ้นปีนี้เติบโต 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 790 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"เราเล็งเห็นถึงศักยภาพของอินโดนีเซีย สะท้อนจากความต้องการสินเชื่อมี่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีแรกๆ และเติบโตมาอยู่ที่ 790 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ที่ 900 ล้านดอลลารสหรัฐ และคาดว่าสิ้นปีจะได้ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างแน่นอน โดยกลุ่มลูกค้าคนไทยที่ใช้บริการของธนาคารคิดเป็นสัดส่วน 15-16% ของสินเชื่อรวม และลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคาร คือ กลุ่มยานยนต์ ปิโตรเคมี การส่งออก ภาคการเกษตร เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ยาง เป็นต้น รวมถึงกลุ่มพลังงานด้วย"
นายชลิต เตชัสอนันต์ ผู้จัดการทั่วไป ธนาคารกรุงเทพ ประจำอินโดนีเซีย กล่าวว่า ล่าสุดธนาคารได้เปิดสาขาเมดาน อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมาโดยธนาคารมีแผนขยายธุรกิจสถาบันการเงินให้ครอบคลุมอินโดนีเซียมากขึ้นต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับความต้องการสินเชื่อของลูกค้า โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ ประชาชนท้องถิ่น นักลงทุนต่างชาติรวมถึงนักลงทุนไทย
ส่วนการแข่งขันภาคธุรกิจสถาบันการเงินในอินโดนีเซีย ยอมรับว่า มีความรุนแรง เนื่องจากปัจจุบันมีสถาบันการเงินท้องถิ่น (โลเคิลแบงก์) มากถึง 120-125 ราย ขณะที่สาขาต่างประเทศมีทั้งสิ้น 11 ราย และสาขาที่เข้ามาจดทะเบียนเป็นบริษัท จำกัด รวมทั้งสิ้น 17 สาขา ส่งผลให้การแข่งขันต่างๆ ค่อนข้างรุนแรง