ทั้งนี้เป็นไปตามแผนการพลิกฟื้นธุรกิจที่ดำเนินต่อเนื่องมา 2 ปีหรือ 8 ไตรมาส โดยในงวดครึ่งปีแรกงวดปี 56-57 มีกำไรหลังหักภาษีเป็นบวก หรือมีจำนวน 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีครึ่งที่บริษัทประสบผลขาดทุน
"คาดหวังว่าโมเมมตัมจะไปได้ดี รายได้และ EBITDA ในครึ่งปีหลังเราเชื่อเราไปได้ แต่ขอภาครัฐดูแลเพื่อปกป้องผู้ผลิตในประเทศ ประกาศมาตรการ AD ถาวร" นายปิยุช กล่าว
ทั้งนี้ การนำเข้าเหล็กลวดคาร์บอนสูงนำเข้าจากจีนยังคงเป็นความกังวลที่ใหญ่ที่สุดเพียงเรื่องเดียวของบริษัท เพราะมาตรการการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ชั่วคราวจะหมดอายุลงในวันที่ 7 ธ.ค. 56 หลังจากประกาศใช้ 8 ส.ค. 56 หรือเพียง 4 เดือน จึงได้ยื่นจดหมายต่อนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ขอใช้มาตรการ AD ถาวร เพื่อตอบโต้การดัมพ์ตลาดของเหล็กลวดจากจีน เพื่อสร้างการค้าและการแข่งขันที่เป็นธรรม และเพื่อปกป้องการอยู่รอดของอุตสาหกรรมเหล็กของไทย
"ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีกำไรเติบโตโดดเด่นได้หรือไม่ ยังตอบไม่ได้เพราะยังมีปัจจัยที่บริษัทควบคุมไม่ได้ (เหล็กนำเข้าจากจีน) ถ้ามีการออกมาตรการ AD ถาวร จึงจะประเมินได้ ซึ่งอยากให้ภาครัฐช่วย" นายปิยุช กล่าว
โดยหลังจากที่มีมาตรการ AD ชั่วคราว บริษัทได้ปรับสัดส่วนสินค้ามูลค่าเพิ่มมาที่ระดับ 25% และคาดว่าจะกลับมาที่ 30% เหมื่อก่อนที่จะถูกดัมพ์ตลาดจากเหล็กนำเข้าจากจีน ที่ทำให้สัดส่วนลดลงไปที่ 22% และคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาได้ถึง 35% หากมีการออกมาตรการ AD ถาวร
แนวโน้มในไตรมาส 3 งวดปี 56/57 มองว่าตลาดเหล็กยังคงที่จากไตรมาสที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงมีความท้าทายจากแรงกดดดันที่เกิดจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และราคาวัตถุดิบ แต่ก็คาดว่าตลาดเหล็กของไทยจะดีดกลับและการเติบโตจากการก่อสร้าทั้งภาคเอกชนและภาครัฐจะช่วยผลักดันความต้องการใช้เหล็กเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ เชื่อมั่นความต้องการใช้เหล็กในประเทศจะเติบโตขึ้นจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท รวมทั้งการเติบโตของตลาดลาว, กัมพูชา เหล่านี้จะเป็นตัวเร่งให้ความต้องการเหล็กสูงขึ้นเป็น 9-10% ต่อปี จากปัจจุบันเติบโตปีละ 5-7% โดยคาดหมายว่าแรงผลักดันจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ผลขาดทุนสะสมที่มีอยู่ คาดว่าจะใช้ผลกำไรจากการดำเนินงานล้างขาดทุนได้
อนึ่ง ในงบการเงินรวม TSTH ณ สิ้น ก.ย. 56 มีผลขาดทุนสะม 3.1 พันล้านบาท แต่งบการเงินเฉพาะบริษัท มีกำไรสะสม 355 ล้านบาท
นอกจากนี้ TSTH ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงผู้บริหารดังนี้ นายคูชิด ซัทเทอจี ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท เป็นประธานกรรมการบริษัท , นายปิยุช กุปต้า เข้ารับตำแหน่งผู้บริหารด้านการค้าปฺฏิบัติงาน บริษัท ทาทา สตีล ประเทศอินเดีย มีผลในวันที่ 1 ธ.ค. 56 แต่ยังดำรงตำแหน่งกรรมการ TSTH และให้นายราจีฟ มังกัล ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ TSTH มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 56