ทั้งนี้บริษัทฯ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.1% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 1,300,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,300,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้วจำนวน 1,000,000,000 บาท โดยบริษัทฯ คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในเดือนธันวาคมนี้
“ICHI เป็นหุ้นน้องใหม่ที่มีศักยภาพสูงคาดว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดี เนื่องจากธุรกิจเข้าใจง่าย ทีมผู้บริหารมีความรู้และเชี่ยวชาญในธุรกิจเป็นอย่างดี เห็นได้จากช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง" นายก้องเกียรติ กล่าว
ด้านนายตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร ICHI ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้ชื่อการค้า อิชิตัน ดับเบิ้ลดริ๊งค์, อิชิตัน กรีนที, อิชิตัน ดราก้อน แบล็คที และเย็นเย็น เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะนำหุ้น ICHI เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปขยายกำลังการผลิตโรงงานเฟส2 ชำระหนี้บางส่วนให้สถาบันการเงินจากการลงทุนขยายการผลิตล่วงหน้า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
"อิชิตัน สำหรับผมคือการรวมกันเป็นหนึ่งระหว่างบริษัท พนักงาน พันธมิตร และผู้ลงทุน โดยพนักงานและผู้บริหารกว่า 90% เป็นหุ้นส่วนบริษัทจึงมีความเป็นเจ้าของสูงมาก ทุกคนมีความทุ่มเทจนเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่มีพลัง และตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเราได้รับการสนับสนุนที่ดีจากซัพพลายเออร์ คู่ค้า และลูกค้า ทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จรวดเร็ว แม้ปี 2554 บริษัทฯ ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ แต่ก็สามารถฟื้นกลับมายืนได้อย่างแข็งแกร่งรวดเร็ว วันนี้อิชิตันมีศักยภาพสมบูรณ์พร้อมที่จะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะสนับสนุนให้อิชิตันเป็นบริษัทมหาชนของคนไทยที่เติบโตอย่างมั่นคงควบคู่ไปกับการสร้างประโยชน์ให้สังคม หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งเน้นทำงานเพื่อผลตอบแทนหรือผลกำไรที่ดีที่สุดแก่ผู้ถือหุ้น พร้อมทั้งมั่นใจในความสามารถของทีมงานและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในโลก จะสนับสนุนให้อิชิตันเดินตามเป้าหมายที่วางไว้ได้" นายตัน กล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานบริษัทฯ งวด 6 เดือนแรก ปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 3,747 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,214 ล้านบาท หรือร้อยละ145 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2555 ที่ 1,533 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 468 ล้านบาท หรือร้อยละ 638 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2555 ที่ 73 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ร้อยละ 44 ส่วนมูลค่าตลาดรวมเครื่องดื่มชาในปีนี้คาดว่าจะเติบโตที่ 25% โดยมีมูลค่าประมาณ 1.65 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.3 หมื่นล้านบาท