"บริษัทฯอยู่ระหว่างแผนการศึกษาในการเข้าเจรจาการลงทุน เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เช่าโดยยังคงเน้นบริเวณพื้นที่ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ที่จะครอบคลุมทั่วประเทศ ตามกลยุทธ์แผนการขยายธุรกิจที่ WHA ได้ตั้งเป้าไว้" นพ.สมยศ กล่าว
นพ. สมยศ กล่าวว่า ภายในเดือนพ.ย.นี้ บริษัทฯเตรียมเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนสถาบันที่ประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับบล.ภัทร และ Bank of America Merrill Lynch ในวันที่ 12 พ.ย. 56 และจะเดินทางไปนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน ในประเทศฮ่องกงร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ และ Goldman Sachs ในวันที่ 22 พ.ย. 56
“การเดินทางไปนำเสนอข้อมูลกับกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ทั้งในประเทศฮ่องกง และ สิงคโปร์ บริษัทฯเชื่อว่าจะได้การตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันอย่างแน่นอน เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนในประเทศดังกล่าวให้ความสนใจในโครงสร้างธุรกิจ รวมถึงแผนการขยายธุรกิจด้านโลจิติกส์ และ การต่อยอดทางธุรกิจโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาโรงงาน (โซลาร์รูฟ) " นพ.สมยศ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการเข้าประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาโรงงาน (โซลาร์รูฟ ) นั้น นพ.สมยศ กล่าวว่า บริษัทได้มีการทยอยเซ็นสัญญากับการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าภูมิภาคไปแล้วประมาณ 4-5 เมกะวัตต์ ซึ่งน่าจะเริ่มสร้างรายได้ให้กับบริษัทตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นไป และจะสร้างรายได้ประจำให้กับบริษัทประมาณ 9 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ โดยบริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในการติดตั้งมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทเชื่อว่าจะมีการสนับสนุนจากภาครัฐในการเปิดประมูลโครงการโซลาร์รูฟท็อปอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากต้องการกระจายความเสี่ยงจากไฟฟ้าที่มาจากพลังงานเชื้อเพลิงที่นับวันยิ่งหมดไปซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจหลักของบริษัทที่มีพื้นที่หลังคาของคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า อีกมากเพียงพอที่จะรองรับนโยบายของภาครัฐ
สำหรับการเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) นั้น บริษัทฯเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุน WHAPF ในการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 โดยมีมูลค่าระดมทุนกว่า 4,650 ล้านบาท ทั้งจากการเพิ่มทุนและเงินกู้จากสถาบันการเงิน หลังจากได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันจากกระบวนการ Book building ทั้งจากนักลงทุนเดิม และนักลงทุนสถาบันรายใหม่ ที่แสดงเจตจำนงในการจองซื้อหน่วยเกินจากสิทธิที่จะได้รับ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคาดว่าจะเปิดจองซื้ออย่างเป็นทางการได้ภายในกลางเดือน พ.ย. นี้
"จากการเพิ่มทุนดังกล่าว จะส่งผลให้กองทุน WHAPF มีขนาดกองทุนเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 10,000 ล้านบาท และทำให้บริษัทฯ สามารถบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์ภายในไตรมาส 4 อย่างแน่นอน" นพ. สมยศ กล่าว
สำหรับการเพิ่มทุนในหน่วยลงทุนครั้งนี้ นอกจากขนาดกองทุนเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 10,000 ล้านบาท แล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้กองทุนWHAPF มีรายได้จากสัญญาตลอดอายุสัญญาเช่า พร้อมทั้งยังสามารถจ่ายเป็นรูปแบบเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว