สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB145B (รุ่นอายุ 5.6 ปี, 3.6 ปี และ 0.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,962 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH16DA) มูลค่า 154.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่มีประกัน ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC195B) มูลค่า 128.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC145A) มูลค่า 108.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 391.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 47.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,287 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 11,386 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -2,051 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.52% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขประมาณการ GDP ไตรมาส 3/56 ขยายตัว 2.8% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า Fed อาจจะชะลอมาตรการ QE เร็วกว่าที่คาดไว้ ในขณะที่ ECB ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.25% จาก 0.5% ในการประชุมวานนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายในทุกช่วงอายุตราสาร ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 2,051 ล้านบาท