โดยจะมีการจำหน่ายหุ้นทั้งหมด 164,357,400 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท ซึ่งการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ IPO 129,569,992 หุ้น และหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม ไม่เกิน 34,569,992 หุ้น
นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และชีพโค้ช บมจ. เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะรักษาอัตราการเติบโตของรายได้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20% ทั้งในปีนี้ และปี 57 ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตของรายได้ราว 20% ต่อปี จากที่บริษัทฯมุ่งเน้น การขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ที่ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากพม่า 30% ไทย 20% เวียดนาม 26% และที่เหลือกระจายไปใน 26 ประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีกกว่า 139 ชนิด โดยมี 73 ชนิดที่อยู่ระหว่างการรอขึ้นทะเบียนยา ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถเพิ่มยอดขายและรายได้ มากขึ้นต่อไป
ด้านนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้นำจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) เปิดเผยว่า ในวันแรกของการเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ของ MEGA จะมีกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมนำหุ้นจำนวน 52 ล้านหุ้น ทำการขายในกระดานเป็นบิ๊กล็อต ที่ราคาเดียวกับราคา IPO ซึ่งจะมี 42 ล้านหุ้นขายให้กับ กองทุนลอมบาร์ด และในส่วนที่เหลืออีก 10 ล้านหุ้นนั้นจะกระจายให้กับนักลงทุนสถาบันในต่างประเทศ
"การนำหุ้นบิ๊กล็อตไปขายในกระดานนั้น เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบกับราคาเนื่องจาก การขายในครั้งนี้เป็นราคาเดียวกับราคาที่เราได้มีการขาย IPO" นายแมนพงศ์ กล่าว
"ภาวะตลาดหุ้นในปัจจุบันไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล เรามองว่าเป็นหุ้นที่เหมาะกับนักลงทุนระยะยาว โดยบริษัทฯมีการปันผลปีละ 2 ครั้ง และ นโยบายปันผล 25% ของกำไรสุทธิ" นายแมนพงศ์ กล่าว
บมจ. เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ เป็น ผู้ผลิต ทำการตลาด จำหน่าย และกระจายสินค้าเวชภัณฑ์คุณภาพสูงที่รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และยารักษาโรคในประเทศกำลังพัฒนา