ทั้งนี้ภายใน 5 ปี บริษัทจะเน้นฐานธุรกิจดำเนินการทำปิโตรเคมีใน 3 ประเทศหลัก คือ ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยจะมีการใช้งบลงทุน 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในประเทศเวียดนาม และ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯในประเทศอินโดนีเซีย ส่วนในประเทศไทยจะใช้งบลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาหรือ R&D จำนวน 2,000 ล้านบาท และมีเครือข่ายบุคลากรด้านวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 400 คน เพื่อผลักดันยอดขายในสินค้าที่เป็น HVA เพิ่มขึ้นเป็น 60% จากปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 50% ซึ่งจะทำให้โอเลฟินส์มีกำลังการผลิตรวม 5.8 ล้านตัน หลังปี 61
"ปีนี้มาจิ้นเราดีขึ้นโดยอยู่ที่ระดับ 500-600 เหรียญต่อตัน คาดว่าปีหน้าก็น่าจะดีกว่าปีนี้ ซึ่งเรามีทิศทางการสร้างการผลิตอย่างชัดเจน โดยจะเข้าไปขยายโรงงานในอาเซียน กลุ่ม SCG ทั้งหมดจะขยายไปในอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม ในปี 2561 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอาเซียนที่มีประชากร 600 ล้านคน และเศรษฐกิจในอาเซียนยังคงเติบโตแข็งแกร่ง"นายชลณัฐ กล่าว
สำหรับสินค้าใหม่ที่บริษัทจะเน้นผลิตมากขึ้นแบ่งเป็นสินค้าประเภท Petrochemical HVA เช่น บรรจุภัณฑ์ (Packaging) และคอมพาวด์ อย่างพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ท่อสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างและสาธารณูปโภค พลาสติกที่ใช้ในวงการแพทย์อละสาธารณสุข และสินค้าประเภท NON Petrochemical HVA การขายเทคโนโลยี สินค้าทีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น Emisspro สารเคลือบเพื่อการอนุรักษ์พลังงานสำหรับเตาเผา และสินค้าที่ใช้วัตถุดิบจากน้ำมันอ้อย เช่น พีวีซี