(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงสวนตลาดตปท. เจอแรงกดดันด้านการเมืองในปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 11, 2013 09:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงมากกว่า จากแรงกดดันทางด้านปัจจัยการเมืองในประเทศ ที่มีเรื่องม็อบเข้ามาและมี dateline เย็นนี้ รวมทั้งยังมีคดีเรื่องเขาพระวิหารฯอีกด้วย ซึ่งทั้งสองเรื่องคงจะมีความเชื่อมโยงกัน และกดดันตลาดฯในวันนี้

ด้านตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ภายหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดี แต่ก็จะมีมุมมองในแง่ของมาตรการ QE ที่อาจจะมีการชะลอเร็วขึ้น ซึ่งก็ทำให้ตลาดฯผันผวนได้

อย่างไรก็ดี เมื่อดัชนีฯปรับตัวลงมาแถว 1,380-1,360 จุด ก็เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,420 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(8 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,761.78 จุด เพิ่มขึ้น 167.80 จุด (+1.08%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,770.61 จุด เพิ่มขึ้น 23.46 จุด (+1.34%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,919.23 จุด เพิ่มขึ้น 61.90 จุด(+1.60%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 184.68 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.83 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 0.69 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.84 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.21 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ไม่เปลี่ยนแปลง
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(8 พ.ย.)ที่ 1,405.03 จุด ลดลง 20.20 จุด(-1.42%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,378.26 ล้านบาท เมื่อ 8 พ.ย.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(8 พ.ย.)ที่ 94.60 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.40 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(8 พ.ย.)ที่ 3.29 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.52/53 แนวโน้มอ่อนค่า เกาะติดสถานการณ์การเมืองในปท.
  • ภาคธุรกิจห่วง 2 เหตุการณ์วันนี้ กระทบเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ, ธปท.เตรียมรับมือตลาดเงินป่วน จากความขัดแย้งทางการเมือง จับตาการเคลื่อนไหวค่าบาทใกล้ชิด "ประสาร" ระบุความเชื่อมั่นรัฐบาลลด ส่งผลการชุมนุมยืดเยื้อ ด้านโบรกเกอร์เตือนนักลงทุนรอดูสถานการณ์ ประเมินตลาดผันผวนตามสถานการณ์
  • นักเศรษฐศาสตร์ ประเมินสถานการณ์ชุมนุม ส่อฉุดเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ทั้ง "ท่องเที่ยวบริโภค" ยังเชื่อขยายตัวได้จากไตรมาส 3 หลังภาคส่งออกมีสัญญาณฟื้น ด้าน "นิตินัย" ยอมรับยังประเมินผลกระทบยาก เหตุมีภาคเกี่ยวเนื่องการท่องเที่ยวมาก ประเมินทั้งปีโต 2.8-4% ขณะที่ธุรกิจไอทีหวั่นการเมืองฉุดยอดขายไตรมาส 4
  • กลุ่ม"ประชาคม"ในกรุงเทพฯนัดรวมพล 4 ย่านธุรกิจ เข้าร่วมการชุมนุมราชดำเนิน พร้อมกลุ่มกปท. ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงจัดชุมนุมคึกคัก ลั่นพร้อมปกป้องระบอบประชาธิปไตย ขณะโรงเรียนในพื้นที่ชุมนุม 11 แห่งประกาศหยุดเรียน
  • สถานการณ์ทางการเมืองในวันที่ 11 พ.ย.เริ่มปะทุจุดเดือด เวลา 10.00 น. ที่ประชุมวุฒิสภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมซึ่ง น.ส.รสนา โตสิตระกูล สว.กทม. ยืนยันว่าสว.จะโหวตคว่ำร่างกฎหมายฉบับนี้ จากนั้นพล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะแถลงท่าทีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณที่ประกาศเคลื่อนม็อบไป 3 จุด
  • ธปท.เผยสถาบันการเงินในระบบปล่อยกู้ให้ภาคธุรกิจลดลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แค่ไตรมาสเดียวยอดสินเชื่อรวมลดลง 9.7 พันล้านบาท คิดรายธุรกิจการเงิน-ประกันภัยได้รับสินเชื่อลดลงมากที่สุดในระบบ 2.7 แสนล้านบาท คิดเป็น 7.22%ขณะที่ธุรกิจอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลยังโตต่อ สินเชื่อมากที่สุด 8.22 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นในทุกหมว

*หุ้นเด่นวันนี้

  • PTTGC(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 90 บาท เลือกเป็น Top pick ในปี 57 จากกำไรที่เติบโตโดดเด่นในกลุ่มปิโตรเคมี แม้เราจะมีการปรับลดกำไรลงก็ตาม ความน่าสนใจในการลงทุนระยะสั้น ยังคงอยู่ที่ผลการศึกษาร่วมกับ Pertamina เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะลงทุนร่วมในโครงการปิโตรเคมีครบวงจรในประเทศอินโดนีเซีย โดยมองว่าจะเป็นประเด็นที่ทำให้ PTTGC มีความน่าสนใจในการลงทุน ขณะที่โครงการดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว
  • JAS(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 11.20 บาท กระบวนการในการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานมีความคืบหน้า โดยที่ล่าสุดขนาดกองทุนที่ 6-7 หมื่นล้านบาท สูงกว่ามูลค่ายุติธรรมราว 1.5 เท่า และบริษัทจะจัดประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขออนุมัติเข้าทำธุรกรรมในวันที่ 25 พ.ย.2556 ทั้งนี้ภายใต้สมมติฐานที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด การขายกองทุนดังกล่าวจะสร้างมูลค่าเพิ่มต่อราคาหุ้น 0.90 บาท/หุ้น จากมูลค่าเหมาะสมไม่รวม IFF ที่ 11.20 บาท นอกจากนี้เรายังให้น้ำหนักต่อการจ่ายเงินปันผลพิเศษราว 0.70-1.00 บาท/หุ้น (Yield 9-13%)
  • CPF(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 32.5 บาท มีกำไรปกติ 3Q13 เท่ากับ 887 ล้านบาท ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ว่าจะขาดทุนและพลิกจากที่ขาดทุนใน 2Q13 แนวโน้มจะดีต่อเนื่องใน 4Q13 มองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
  • BH (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 110 บาท กำไรดีตามคาด BH เป็นรพ.แรกที่รายงานผลประกอบการและทำได้อย่างน่าประทับใจ โดยกำไรปกติ 3Q13 +21% Q-Q, +36% Y-Y เป็น 703 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิที่ลดลง 40% Y-Y เป็นเพราะใน 3Q12 มีกำไรจากการขาย BCH เราเชื่อว่า BH จะเป็นรพ.ที่มีกำไรใน 3Q13 โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม โดยคงประมาณการกำไรปกติปี 2013-14 เติบโต 21% และ 12% ตามลำดับ โดย BH ยังคงเป็น Top Pick ของกลุ่ม
  • MAJOR(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 25.50 บาท มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 5-6% ส่วนกำไรสุทธิ 3Q56 ออกมาใกล้เคียงกับที่คาด และแนวโน้มผลประกอบการ 4Q56 คาดกำไรเติบโตทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากรายได้จากการขายตั๋วภาพยนตร์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง 2 และ Thor ประกอบกับธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง ได้แก่ การขายอาหาร/เครื่องดื่ม และ โฆษณา คาดว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นหลายแห่ง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ