นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร AMATA กล่าวว่า กลุ่มAMATA จะมองการลงทุนในต่างประเทศมากกว่าในประเทศ โดยเน้นลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะในเวียดนามและพม่าที่จะลงทุนมากกว่าประเทศอื่น เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูก ทั้งต้นทุนที่ดิน และการขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมได้เร็วกว่าประเทศไทย ขณะที่ในไทยดำเนินการได้ล่าช้า เนื่องจากมีขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ค่อนข้างมาก ร
ส่วนการเมืองอาจไม่กระทบกับ AMATA โดยตรง แต่จะกระทบกันนักลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจเข้ามาลงทุนในไทย และยิ่งการเมืองนำไปสู่ความขัดแย้ง จะกระทบกับธุรกิจท่องเที่ยวด้วย
"AMATA วันนี้ต้องกระจายพื้นที่ไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยเน้นที่เวียดนามและพม่า จากก่อนหน้าเน้นลงทุนในไทย ส่วนการลงทุนในไทยก็ไม่ได้ทิ้ง แต่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในต่างประเทศมากกว่า โดยในไทยจะทำนิคมฯ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตที่ไม่ต้องใช้แรงงาน และเน้นที่ทำ R&D"นายวิกรม กล่าว
นายวิกรม กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเศรษฐกิจไทยในปี 57 เพราะมองว่ายอดส่งออกอาจกระเตื้องไม่มากเท่าที่คาด แม้เศรษฐกิจจะได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตดี แต่ขณะนี้เริ่มได้รับผลกระทบจากกรณีที่รัฐบาลจีนออกมาตรการเข้มงวดกับนักท่องเที่ยว ซึ่งหากเกิดผลกระทบทั้งจากการส่งออกที่ยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก การท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีน และปัญหาการเมืองที่เกิดความขัดแย้ง ก็น่าเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจไทยอาจกระตุก
อย่างไรก็ตาม AMATA จะเน้นการลงทุนในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพราะมีไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค จึงเห็นว่าจะช่วยทำให้ไทยได้ประโยชน์จาก AEC มากขึ้น โดยเฉพาะพม่า ซึ่งจะช่วยเสริมเศรษฐกิจของไทยในอนาคต หากเศรษฐกิจพม่าเติบโตไทยก็จะรับอานิสงส์ด้วย แม้ว่าในปีหน้าเศรษฐกิจของไทยจะไม่เติบโตสูง แต่จะได้อานิสงส์จากอาเซียนและจีน