สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB155A (รุ่นอายุ 3.6 ปี, 5.6 ปี และ 1.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,334 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL18OB) มูลค่า 901.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH141A) มูลค่า 101.2 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RG143A) มูลค่า 95.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,098.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,871 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,350 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -7,888 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.57% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.04%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-5 bps. ล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมา โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดไว้ แสดงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในเชิงบวก ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า Fed อาจจะลดขนาดมาตรการ QE เร็วขึ้น สำหรับปัจจัยภายในประเทศตลาดยังคงจับตาเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง การคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม และคดีเขาพระวิหาร ด้านนักลงทุนต่างชาติวันนี้มีแรงขายในพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 7,888 ล้านบาท