"คาดว่าจะนำหุ้นเข้าเทรดใน ตลาด mai ได้ทันภายในเดือนธ.ค.นี้ คาดว่าจะได้เม็ดเงินจากการระดมทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ขณะนี้ ก.ล.ต.เริ่มนับ 1 ไฟลิ่ง ตั้งแต่ 31 ต.ค. ซึ่งหากก.ล.ต.อนุมัติก็จะสามารถกำหนดราคาได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ภายหลังจากที่ก.ล.ต.อนุมัติ และในการกำหนดราคาจะมีส่วนลดให้กับนักลงทุนด้วย"นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ GCAP กล่าว
นายสันติ เชื่อว่า สถานการณ์ทางการเมืองไม่น่าจะบานปลายจึงมองว่าไม่น่ากระทบต่อการนำหุ้นเข้าเทรดปี 56 เพราะพื้นฐานบริษัทมีความแข็งแกร่ง โดยกำไรปี 56 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% โดย 9 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรอยู่ที่ 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ปี 55 กำไรทั้งปีอยู่ที่ 32 ล้านบาท จึงเชื่อว่าเมื่อถึงสิ้นปีกำไรน่าจะเติบโตได้มากกว่า 25% ส่วนปี 57 จะรักษาการเติบโตของกำไรให้มากกว่า 25%
"บริษัทเข้ามาจดทะเบียนจะสามารถระดมทุนได้มากขึ้น จากที่ผ่านมาใช้แค่เงินทุนจากธนาคารออมสินเป็นหลัก แต่พอขอเข้าตลาดจะหาแหล่งเงินอื่นได้มากขึ้น ซึ่งจะมีต้นทุนที่ลดลงและระบบการบริหารจัดการน่าจะดีขึ้น จึงมั่นใจว่ารักษากำไรได้"นายสันติ กล่าว
นายสันติ กล่าวต่อว่า จุดเด่นของบริษัท คือ ให้เช่าซื้อเครื่องจักรกลทางการเกษตรซึ่งเกาะกลุ่มเกษตรกรเป็นหลักไม่มีคู่แข่ง และรายได้ 99% มาจากการปล่อยสินเชื่อรถเกี่ยวนวดข้าว ปัจจุบันมีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มเป็น 65 ล้านไร่ จาก 63 ล้านไร่ และจากที่รัฐบาลมีนโยบายรับจำนำมีการปลูกเพิ่มขึ้น มีโครงการชลประทานทำให้สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 3 รอบจากเดิมรอบเดี่ยว เชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อน่าจะยังเติบโต
"หุ้นของจีแคป เป็นหุ้น Dividend stock เพราะที่ผ่านมามีนโยบายจ่ายปันผลแน่นอนมากกว่า 50% ทุกปี การที่เป็นหุ้นปันผล จะทำให้ประชาชนเข้ามาซื้อหุ้นมากขึ้น"นายสันติ กล่าว