สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 5.6 ปี, 3.6 ปี และ 1.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,690 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) (BH16DA) มูลค่า 41.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC17OA) มูลค่า 30.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC174A) มูลค่า 24.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 95.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 15,420 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,359 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,172 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.59% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสาร อายุ 6 เดือนขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยนักลงทุนยังคงกังวลว่า Fed อาจจะทยอยลดมาตรการ QE เร็วกว่าที่คาด ซึ่งล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจ ทั้งสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ที่ทยอยประกาศออกมามีแนวโน้มเชิงบวก สำหรับประเด็นทางการเมือง นักลงทุนติดตามว่าจะเป็นปัญหายืดเยื้อหรือไม่ เนื่องจากกระทบกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทย นักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,172 ล้านบาท