IRPC เตรียมแผน 6 โครงการใหม่ 6.5 หมื่นลบ.ต่อยอดฟีนิกซ์ ดึง PTTGC ร่วมทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 12, 2013 17:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุกฤตย์ สุรบถโสถณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมลงทุนโครงการใหม่ต่อยอดโครงการฟีนิกซ์เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 6.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นปลายที่จะสร้างอัตรากำไร(มาร์จิ้น)ให้บริษัทในระยะยาว

โครงการดังกล่าวคาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จภายในปีนี้และเริ่มลงทุนในปี 60-61 ได้แก่ โครงการพาราไซลีน (PX) กำลังการผลิต 1.2 ล้านตัน/ปี, โครงการโพลีโพรพิลีน คอมปาวด์ (PPC) กำลังการผลิต 3 แสนตัน/ปี, โครงการโพลิออล(Polyol)กำลังการผลิต 1 แสนตัน/ปี, โครงการอะคริลิกแอซิด (AA)/ซุปเปอร์แอฟซอฟท์แบนท์โพลีเมอร์(SAP) กำลังการผลิต AA 1 แสนตัน/ปี /SAP กำลังผลิต 8 หมื่นตัน/ปี, โครงการสไตลีนโพลิเมอร์ (SM)กำลังผลิต 3.5 แสนตัน/ปี และ โครงการไบโอไฮโดรจีเนเต็ดดีเซล(BHD) กำลังผลิต 2 ล้านลิตร/เดือน

นายสุกฤตย์ กล่าวว่า โครงการที่ 1 และ 2 บริษัทได้ศึกษาร่วมกับบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และคาดจะมีการร่วมทุนเป็นรายโครงการๆไป ด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินการแต่ละโครงการ โดยเฉพาะโครงการ PX ที่ใช้เงินลงทุนมากถึง 1.1 พันล้านเหรียญ ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 57

อนึ่ง ในช่วง 5 ปี (ปี 57-61) IRPC มีแผนใช้เงินลงทุนราว 1.1 แสนล้านบาท เป็นการลงทุนในโครงการฟีนิกซ์และนอกโครงการฟีนิกซ์ 4.4 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการใหม่กำหนดเงินลงทุนราว 6.5 หมื่นล้านบาท

นายสุกฤตย์ กล่าวว่า เงินลงทุนของบริษัทจะมาจากกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)ที่มีอยู่ราว 7 หมื่นล้านบาท ยังขาดอีก 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินกู้หรือออกหุ้นกู้ โดยปีหน้าบริษัทมีกำหนดใช้เงินลงทุน 2 หมื่นล้านบาทในโครงการฟีนิกซ์ ส่วนปี 58 ใช้เงินลงทุนาว 1 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้จะมีการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การตลาดและการขาย รวมทั้งทรัพยากรบุคคล(Delta)ที่ลงทุนซอฟท์แวร์ 10 ล้านเหรียญในช่วง 2 ปีนี้(ปี 57-58)

ขณะที่บริษัทมีหนี้สินที่จะต้องคืนในช่วง 5 ปี จำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท โดยในปีหน้าจะครบกำหนดชำระ 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้เจรจากับธนาคารในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว ทั้งนี้ บริษัทได้วางเป้าหมายมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (Return of Investment Capital:ROIC) ที่ 14% ในปี 2563 (ปี 2020) ซึ่งจะใกล้เคียงกับบริษัทโรงกลั่นและปิโตรเคมี

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 4/56 นายสุกฤตย์ กล่าวว่า จะมีกำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบดูไบที่หากราคาน้ำมันดิบสูงกว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 106 เหรียญ/บาร์เรล ในไตรมาส 3/56

อย่างไรก็ดี บริษัทได้ลดจำนวนวันในการเก็บสต็อกน้ำมันเหลือ 34 วันในสิ้นไตรมาส 3/56 จากเดิมเก็บสต็อก 60 วัน และบริษัทจะลดสัดส่วนผลผลิตน้ำมันเตาและน้ำมันหล่อลื่นเหลือ 8% ในปี 58 จาก 31% สิ้นไตรมาส 3/56 เพื่อลดความผันผวนของค่าการกลั่นรวม(GIM) โดยในงวด 9 เดือนปี 56 มี GIM อยู่ที่ 8.2 เหรียญ/บาร์เรล จาก 6 เหรียญ/บาร์เรลในงวด 9 เดือนปี 55

และบริษัทตั้งเป้าหมายในปี 57 มี GIM ที่ 10 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจาก โครงการ Delta ได้ 1 เหรียญ/บาร์เรล เทียบจากปีนี้ที่คาดว่าปีนี้จะมี GIM ที่ 8 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ EBITDA ในปี 57 คาดอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท และในปี 58 คาดอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาทหลังจากโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มภายใต้โครงการฟีนิกซ์ (UHV)ที่เสร็จกลางปี และในปี 59 คาดไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท หลังรับรู้รายได้จากโครงการ UHV เต็มปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ